Last Updated on October 25, 2021
UP ปู่ซ่าบ้าพลัง ปู่อัพกับบ้านลอยฟ้าพิชิตฝัน
Up ปู่ซ่าบ้าพลัง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ปู่อัพ” เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นสัญชาติอเมริกันแนวตลกและผจญภัย ผลิตโดยพิกซาร์แอนิเมชันสตูดอโอส์ (Pixar Animation Studios) และจัดจำหน่ายโดยวอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์ (Walt Disney Pictures) เป็นเรื่องราวของคุณปู่สูงอายุที่ชื่อว่าคาร์ล เฟรดริกเซน (Carl Fredricksen) และผู้ชายชื่อรัสเซล (Russel) ปู่อัพหรือคาร์ลได้ออกเดินทางเพื่อเติมเต็มความฝันของเขาและทำตามสัญญาที่เคยได้ให้ไว้กับภรรยาที่ล่วงลับไปแล้วเอลลี่ (Ellie) ด้วยการผูกลูกโป่งจำนวนมากไว้กับบ้าน ซึ่งมันมากพอที่จะทำให้บ้านของเขาลอยขึ้นไปบนฟ้าได้ แต่เค้าก็ต้องประหลาดใจอย่างมากเมื่อขณะที่ลอยอยู่บนฟ้ากลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น นั่นชื่อเด็กน้อยรัสเซลที่ได้ตามติดขึ้นมาบนฟ้ากับเขาด้วยเช่นกัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ตามลงไปอ่านต่อด้านล่างได้เลยจ้า
เรื่องราวของปู่อัพ Up ปู่ซ่าบ้าพลัง (สปอยยับ)
ย้อนเวลากลับไปในช่วงที่ปู่อัพยังเป็นเด็ก เขาได้เข้าไปดูภาพยนตร์ของนักสำรวจที่มีชื่อเสียง ชาร์ลส์ เอฟ. มันซ์ (Charles F. Muntz) มันซ์ได้ออกแบบและสร้างเรือเหาะเพื่อความสะดวกของสุนัข มันมีเครื่องอาบน้ำสุนัขและเครื่องออกกำลังกายสุนัขอีกด้วย มันซ์ได้ออกผจญภัยไปยังดินแดนสนทยา และเขาได้ประกาศการค้นพบสัตว์ประหลาดแห่งน้ำตกสรวงสวรรค์ที่อยู่ในอเมริกาใต้ นักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวหาว่ามันซ์เป็นคนทำโครงกระดูกปลอมขึ้นมาเอง เมื่อถูกหยามมันซ์ได้ประกาศว่าจะกลับไปที่น้ำตกสรวงสวรรค์และนำสัตว์ประหลาดตัวเป็นๆ กลับมา และเขาจะไม่กลับมาจนกว่าจะทำสำเร็จ
ปู่อัพในวัยเยาว์ชื่นชมมันซ์เป็นอย่างมาก เขามีความฝันที่อยากออกไปสำรวจเหมือนกับมันซ์บ้าง ระหว่างที่เดินกลับบ้านเขาได้เดินผ่านบ้านร้างหลังหนึ่งและได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงตะโกนเรื่องราวเกี่ยวกับมันซ์ออกมา เขาจึงเข้าไปดูในบ้านหลังนั้นและได้พบกลับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง นั่นคือเอลลี่นั่นเอง พวกเขาเป็นเพื่อนกันในทันทีเพราะมีความชอบเรื่องการสำรวจเหมือนกัน
เอลลี่ได้มอบเข็มกลัดให้กับคาร์ลและพาเขาไปเก็บลูกโป่งที่ลอยไป แต่คาร์ลกลับพลัดตกมาจากชั้น 2 จนทำให้แขนหัก ระหว่างที่คาร์ลรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เอลลี่ก็แวะมาหาและได้เปิดหนังสือการผจญภัยของเธอให้เขาดูและได้พูดถึงเรื่องราวน้ำตกสรวงสวรรค์ และความฝันของเธอที่จะมีบ้านอยู่ข้างๆ น้ำตก พวกเขาทำสัญญาใจกันว่าจะไปน้ำตกสรวงสวรรค์ด้วยกัน
เมื่อโตขึ้นคาร์ลก็ได้แต่งงานกับเอลลี่ พวกเขาได้ซื้อบ้านร้างหลังนั้นที่พวกเขาเจอกันครั้งแรกในตอนเด็ก และได้ช่วยกันปรับปรุงบ้านขึ้นมาใหม่ แต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่เอลลี่ไม่สามารถมีลูกได้ เอลลี่เสียใจมาก คาร์ลช่วยให้เธอมีชีวิตชีวาขึ้นโดยนำหนังสือการผจญภัยในวัยเด็กมาให้เธอ และพวกเขาก็ช่วยกันเก็บเงินสำหรับการเดินทางไปน้ำตกสรวงสวรรค์ แต่ก็มีเหตุต่างๆ นานาที่ทำให้ต้องน้ำเงินเก็บส่วนนั้นมาใช้ตลอด แม้กระนั้นพวกเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจนกระทั่งแก่เฒ่า ขณะที่ทั้งสองกำลังทำความสะอาดบ้านกันอยู่ คาร์ลก็เหลือบไปเห็นรูปในวัยเด็กของเอลลี่ ทำให้เค้าหวนระลึกถึงความฝันเกี่ยวกับน้ำตกสรวงสวรรค์ แต่ตอนนี้เขาทั้งสองก็ได้แก่ชราทั้งคู่แล้ว คาร์ลปิ้งไอเดียและได้ไปซื้อตั๋วเครื่องบินสำหรับสองที่เพื่อจะพาเอลลี่ไปที่นั่น แต่ดูเหมือนมันจะช้าไปเสียแล้ว เพราะเอลลี่ได้ล้มป่วยลง ขณะอยู่ที่โรงพยาบาลเธอได้ส่งต่อหนังสือการผจญภัยของเธอให้กับคาร์ล และไม่นานนักเอลลี่ก็ได้จากไปตลอดกาล
ปู่อัพของเราในตอนนี้ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยสังขารที่โอดโอยพร้อมไม้เท้าคู่ใจที่มีขาเป็นลูกเทนนิส ตอนนี้รอบๆ บ้านของเขาเต็มเป็นด้วยการก่อสร้างทั้งหมด เหลือเพียงบ้านของเขาอยู่ตรงใจกลางหลังเดียวที่ยังไม่ยอมย้ายไปไหน เขาออกไปดูที่กล่องจดหมายแล้วพบว่ามีจดหมายเกี่ยวกับบ้านพักคนชรา ผู้รับเหมาก่อสร้างได้มาต่อรองราคาซื้อบ้านของคาร์ล แต่เขาก็ยืนยันที่จะไม่ขายและจะไม่ย้ายไปไหน
แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น คาร์ลลุกขึ้นไปเปิดประตูและได้พบกับเด็กน้อยคนหนึ่งที่ชื่อว่ารัสเซล เขาเป็นลูกเสือนักสำรวจป่ากลุ่ม 54 รัสเซลเรียกคาร์ลว่าคุณเฟรดริกเซนและได้สอบถามว่าเขาต้องการความช่วยเหลืออะไรมั้ย อย่างเช่นพาเดินข้ามถนน แต่ปู่อัพก็ได้ปฏิเสธไปในตอนแรกและได้ปิดประตูใส่รัสเซล แต่เหมือนว่าปู่อัพของเราจะใจอ่อน เขาเปิดประตูอีกครั้งแต่ก็พบว่ารัสเซลได้เอาแต่ท่องคำพูดเดิมๆ จนเขาทนไม่ไหวและจะปิดประตูบ้าน แต่รัสเซลก็ได้เอาขากั้นประตูไว้ จนในที่สุดรัสเซลก็ได้อธิบายให้คาร์ลฟังว่าเขายังขาดเข็มไปอันหนึ่ง นั่นคือเข็มช่วยเหลือผู้สูงอายุ หากเขาได้เข็มนี้มาเขาจะได้เลื่อนขั้นเป็นลูกเสือนักสำรวจป่ารุ่นใหญ่ เพียงแต่เขาต้องช่วยคนแก่สักคนหนึ่งและปู่อัพก็เป็นเป้าหมายของรัสเซลนั่นเอง
เพื่อตัดความรำคาญคาร์ลก็ได้หลอกให้รัสเซสไปหานกอีก๋อยที่เค้าอ้างว่ามันจะชอบแอบมาในสวนและจิกดอกไม้ขอเขา รัสเซลมีความกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลืออย่างมาก เข้ารีบออกไปตามหานกอีก๋อยในทันที ขณะที่คาร์ลกำลังกลับเข้าไปได้บ้าน ผู้รับเหมาก่อสร้างที่ทำงานอยู่แถวนั้นก็ได้เลื่อนรถมาชนกับกล่องจดหมายหน้าบ้านที่คาร์ลกับเอลลี่ช่วยกันทำขึ้น คาร์ลรีบวิ่งออกมาดูดวยความตกใจและมีการยื้ดแย่งตู้จดหมายกัน คาร์ลหัวเสียอย่างมากและได้พลั้งมือทำร้ายผู้รับเหมาจนหัวแตก คาร์ลตกใจในการกระทำของตัวเองและได้รีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน แต่ด้วยความผิดที่เขากระทำจึงทำให้เขาต้องไปขึ้นศาล และในที่สุดศาลก็สั่งให้เขาต้องไปอยู่ที่บ้านพักคนชราเนื่องจากเป็นภัยต่อสังคม ทางบ้านพักคนชราจะมารับคาร์ลในวันรุ่งขึ้นตอนเช้า
คาร์ลกลับมาบ้านและเตรียมเก็บของเพื่อที่จะไปบ้านพักคนชรา เขาได้พบกับหนังสือการผจญภัยของเอลลี่อีกครั้ง และได้นึกถึงเรื่องราวของน้ำตกสรวงสวรรค์ ที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากไปอยู่ที่บ้านพักคนชราเลย ในเช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ของบ้านพักคนชราก็มารับคาร์ลตามที่ได้นัดหมายไว้ คาร์ลได้บอกให้เจ้าหน้าที่ถือกระเป๋าของเขาและให้ไปรอที่รถก่อน เดี๋ยวเขาจะตามไปขึ้นรถอีกทีโดยอ้างว่าเขาอยากจะบอกลาบ้านหลังเก่าของเขา แต่แท้จริงแล้วนี่เป็นแผนของปู่อัพ เมื่อเจ้าหน้าที่กำลังเดินกลับไปที่รถ พวกเขาก็ต้องประหลาดใจอยากมากเมื่อเห็นลูกโป่งจำนวนมากลอยขึ้นเหนือบ้านของคาร์ล พวกมันมีจำนวนมากพอที่จะสามารถยกบ้านของปู่อัพให้ลอยขึ้นไปบนอากาศได้เลยทีเดียว
เมื่อบ้านของปู่อัพได้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าตามแผนการของเขา เขาก็ได้กางผ้าม่านออกทางหน้าต่าง 2 ข้างและผูกไว้กับคันบังคับเพื่อใช้ควบคุมทิศทางของบ้าน และแน่นอนเป้าหมายของเค้าคืออเมริกาใต้ น้ำตกสรวงสวรรค์นั่นเอง เมื่อตรวจสอบความเรียบร้อยต่างๆ ดีแล้วเขาก็ได้นั่งพักอยู่ที่ห้องนั่งเล่นของเขา แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เขาได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากประตูบ้าน เมื่อคาร์ลไปเปิดประตูดูก็ต้องประหลาดใจเมื่อเขาพบรัสเซลเกาะอยู่ที่ระเบียงบ้าน รัสเซลเล่าว่าเขาได้พบกับนกอีก๋อยแล้วและได้ตามมันเข้าไปใต้ระเบียบบ้านทำให้เขาติดมาบนฟ้ากับคาร์ลด้วย
ปู่อัพได้อนุญาตให้รัสเซลเข้าไปในบ้านได้ เมื่อเขาเข้าไปในบ้านรัสเซลตื่นเต้นสุดๆ พราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาในบ้านลอยฟ้า เขาพูดเรื่องราวๆ ต่างๆ มากมายและไปเล่นเครื่องบังคับทิศทางที่คาร์ลทำไว้ คาร์ลไม่ค่อยพอใจ เขาจินตนาการว่าจะหย่อนรัสเซลให้ไปลงที่ตึกใดตึกหนึ่งแต่ในจินตนาการนี้เค้าได้ทำรัสเซลหลุดมือ ใช่! วิธีการนี้มันไม่เวิร์คเอาเสียเลย เขาทำใจและไปตัดลูกออกบางส่วนเพื่อที่จะลดระดับความสูง รัสเซลยังพูดเรื่องต่างๆ ไม่หยุดจนทำให้คาร์ลต้องปิดเครื่องช่วยฟังเพื่อที่เขาจะไม่ได้ยินเสียงรัสเซลอีก แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น บ้านลอยฟ้ากำลังมุ่งหน้าตรงเข้าไปหาพายุ รัสเซลพยายามบอกคาร์ลแต่เขาก็ไม่ได้ยินเพราะปิดเครื่องช่วยฟัง จนกระทั่งมีฟ้าผ่าเกิดขึ้น
พวกเขาพยายามบังคับทิศทางของบ้านเพื่อหนีพายะ แต่ก็ไม่สำเร็จ บ้านทั้งหลังพร้อมลูกโป่งได้ถูกลมดูดเข้าหาพายุ คันบังคับหมุนติ้วและไม่สามารถจะควบคุมได้อีก บ้านเอียงไปมาทำให้ข้าวของต่างๆ กระจัดกระจาย ของต่างๆ หล่นลงมาแตกหักเสียหาย คาร์ลพยายามตามไปเก็บของต่างๆ จนสลบไป เมื่อคาร์ลฟื้นขึ้นมาก็พบว่าพายุได้สงบลงแล้ว รัสเซลได้บอกกับคาร์ลว่าเขาเป็นคนขับบ้านมาที่อเมริกาใต้เองโดยใช้จีพีเอส (GPS) ที่พ่อของเขาให้เอาไว้ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำ รัสเซลก็ได้ทำจีพีเอสหลุดมือและมันได้หลุดออกไปนอกบ้านลงสู่เบื้องล่างเรียบร้อย คาร์ลหัวเสียอย่างมาก เขาไปตัดลูกโป่งออกเพื่อลดระดับบ้านอีกครั้งและจะส่งรัสเซลกลับบ้าน
ขณะที่กำลังลดระดับลงไม่นาน พวกเขาก็ได้พบกับสิ่งกีดขวางต่างๆ ซึ่งคาร์ลคิดว่าพวกเขาไม่น่าจะถึงพื้นดินเร็วขนาดนี้ บ้านได้กระแทกกับพื้นและทำให้คาร์ลกับรัสเซลหลุดออกจากตัวบ้าน แต่ตัวบ้านยังคงลอยไปเรื่อยๆ พวกเขาวิ่งไล่ตามบ้านและสามาถคว้าสายยางที่ห้อยอยู่ไว้ได้ ทำให้บ้านหยุดนิ่ง ที่นี่มีหมอกลงจัดจนทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ แต่ไม่นานนักหมอกก็จางลง และเผยให้เห็นภาพของน้ำตกริมหน้าผาที่สวยงาม ใช่แล้ว พวกเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับน้ำตกสรวงสวรรค์แล้วนั่นเอง
คาร์ลต้องการพาบ้านของเอลลี่ไปที่น้ำตก เขาบอกให้รัสเซลปีนขึ้นไปบนบ้านแล้วดึงเขาขึ้นไปด้วย แต่รัสเซลไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ และตั้งข้อเสนอว่าหากเขาช่วยคาร์ลพาบ้านไปที่น้ำตกได้ คาร์ลจะต้องมอบเข็มช่วยเหลือผู้สูงอายุให้เขา จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันลากบ้านที่กำลังลอยอยู่เพื่อจะไปที่น้ำตก
ระหว่างที่กำลังเดินลากบ้านไปที่น้ำตก รัสเซลก็ยังพูดได้ไม่หยุดไม่หย่อน เขาบ่นว่าเหนื่อยและเจ็บหัวเขา เขาไม่อยากเดินอีกแล้ว เขาได้ขอคาร์ลแวะพักเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำทำธุระ ระหว่างที่ทำธุระเรียบร้อยแล้ว รัสเซลก็ได้พบกับรอบเท้านกขนาดใหญ่ มันทำให้เขานึกถึงนกอีก๋อยขึ้นมาทันที เขาเดินตามรอยเท้าไปจนถึงพุ่มไม้ และได้พยายามล่อนกอีก๋อยให้ออกมาโดยใช้ช็อคโกแลต นกตัวนั้นเหมือนจะชอบกินช็อคโกตแลต มันได้ปรากฎตัวออกมาให้รัสเซลเห็น มันคือนกอีก๋อยยักษ์ที่มีสีสันสวยงามขนาดใหญ่นั่นเอง
รัสเซลบอกกับคาร์ลว่าเขาพบนกอีก๋อยแล้วและได้พามันมาด้วย คาร์ลตกใจมากเนื่องจากนกอีก๋อยที่เค้าบอกรัสเซลให้ไปหาในตอนแรกมันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกๆ เท่านั้น มันไม่มีจริง แต่รัสเซลกลับพานกยักษ์ที่มีลักษณะตรงตามนกอีก๋อยที่คาร์ลบอกกลับมาได้จริงๆ เสียด้วย
ปู่อัพพยายามจะไล่นกอีก๋อยยักษ์ออกไป แต่เหมือนกับว่านกตัวนี้มันชอบรัสเซลเป็นอย่างมาก รัสเซลก็ชอบมันเช่นกัน เขาตั้งชื่อให้มันว่าเควิ่นและจะขอเลี้ยงมันไว้ แต่ทำอย่างไรคาร์ลไม่ยอมและพยายามไม่เควิ่นตลอดเวลา เควิ่นได้ขึ้นไปบนหลังคาบ้านและกินลูกโป่งไป แต่เนื่องจากกินไม่ได้มันจึงคายออกมา คาร์ลไล่มันให้ลงมาจากหลังคา และได้พึมพำถึงเอลลี่ รัสเซลแอบได้ยินจึงคิดอุบายขออนุญาตเอลลี่เลี้ยงเควิ่น และโมเมว่าเอลลี่บอกอนุญาตให้เลี้ยง แต่คาร์ลก็ยังยืนยันที่จะไม่ให้เลี้ยง
พวกเขาออกเดินทางไปที่น้ำตกกันต่อ โดยรัสเซลแอบโยนช็อคโกแลตเพื่อให้เควิ่นเดินตามมาด้วย แต่อยู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงคนพูดขึ้นมา คาร์ลมองเห็นเงารูปร่างเหมือนคนจึงคิดว่ามีคนอยู่แถวนี้ เสียงนั้นพูดคำพูดแปลกๆ ขึ้นว่า “ผมได้กลิ่นคุณนะ” ทำให้คาร์ลเกิดความสงสัย และได้เดินเข้าไปใกล้ๆ เงานั่น แต่สิ่งที่เขาเห็นเป็นเพียงก้อนหิน 2 ก้อนที่ซ้อนกันจนทำให้เห็นเป็นคนเท่านั้นเอง และแล้วก็มีหมาสีน้ำตาลตัวหนึ่งวิ่งมาหาพวกเขา
หมาตัวนี้เชื่องมาก และที่ประหลาดกว่านั้นคือมันสามารถพูดภาษาคนได้ มันได้แนะนำตัวเองว่ามันชื่อว่าดั๊กซ์ และได้บอกว่าเจ้านายได้ทำปลอกคอให้มันซึ่งปลอกคอนี้สามารถทำให้ดั๊กซ์พูดได้ ดั๊กซ์บอกว่ามันเป็นนักแกะรอยชั้นเยี่ยม และฝูงส่งมันมาเพื่อทำภารกิจพิเศษเพียงลำพัง มันมาเพื่อตามหานก และมันขอจับเควิ่นกลับไปเป็นนักโทษ
แท้จริงแล้วดั๊กมาจากฝูงสุนัขที่มาตามล่านกยักษ์ โดยมีสุนัขสีดำชื่ออัลฟ่าเป็นจ่าฝูง แต่เนื่องจากปลอกคอที่ใช้แปลภาษาของอัลฟ่าเสียทำให้เสียงของมันเล็กและตลกมาก จึงไม่เป็นที่ยำเกรงของสุนัขตัวอื่นๆ พวกมันจะมีประสาทสัมผัสไว้ต่อสัตว์ต่างๆ เช่น กระรอก พวกมันติดต่อไปหาดั๊กผ่านปลอกคอและพบว่าดั๊กพบนกยักษ์แล้ว จึงได้ตามไปโดยใช้สัญญาณจีพีเอสจากปลอกคอของดั๊ก
รัสเซลพยายามขอร้องปู่อัพให้รับเลี้ยงเควิ่นและดั๊กที่เป็นหมาพูดได้ไว้ด้วยกัน แต่ปู่อัพปฏิเสธ ดั๊กสามารถเข้าใจเควิ่นได้ และพวกเขาพบว่าเควิ่นเป็นตัวเมียและต้องกลับไปหาลูกๆ ของมัน ปู่อัพปล่อยเควิ่นกลับไปซึ่งทำให้เควิ่นเสียใจมาก แต่แล้วในที่สุดฝูงสุนัขตามมาพบดั๊ก แต่ไม่พบนกยักษ์แล้ว พวกมันจึงได้ขู่ต้อนให้ปู่อัพกับรัสเซล และพาพวกเขาไปพบเจ้านายของพวกมัน
คาร์ลได้พบกับเจ้านายของพวกสุนัข และพบว่าเขาคือชาร์ลส์ มันซ์ นักผจญภัยชื่อดังที่หายสาปสูญไป ปู่อัพตื่นเต้นอย่างมากที่พบกับวีรบุรษในวัยเด็กของเขา มันส์และพวกมาต้อนรับคาร์ลและรัสเซลเป็นอย่างดี และได้ให้พวกเขาขึ้นไปบนเรือเหาะ ส่วนดั๊กได้ถูกอัลฟ่าสั่งให้ใส่ปลอกคอหมาจ๋อยเพราะว่าทำนกยักษ์หายไป ซึ่งปลอกคอหมาจ๋อยก็คือปลอกคอกันเลียนั่นเอง
ในเรือเหาะของมันซ์เขาได้สะสมสิ่งล้ำค่าต่างๆ ไว้มากมาย เขาพาคาร์ลและรัสเซลไปสำรวจจุดต่างๆ ไม่นานนักอัลฟ่าสุนัขตัวโปรดก็ได้มาบอกว่าอาหารค่ำพร้อมแล้ว ทำให้มันซ์พบว่าปลอกคอของมันเสียทำให้เสียงของมันดูตลกเขาจึงซ่อมปลอกคอให้อัลฟ่าและเสียงของมันก็ได้กลับมาคมเข้มดุดันเหมือนปกติ มันซ์พาคาร์และรัสเซลไปที่โต๊ะอาหารเพื่อทานดินเนอร์โดยมีเหล่าสุนัขคอยบริการเสริมอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ บ้านของคาร์ลถูกลากมาวางไว้ข้างๆ เรือเหาะทำให้เขาสามารถมองเห็นมันผ่านกระจกหน้าต่างได้ และได้พร่ำเพ้อถึงภรรยาของเขาและน้ำตกสรวงสวรรค์
มันซ์ได้แสดงโครงกระดูกนกยักษ์ที่เขากำลังตามล่าให้คาร์ลและรัสเซลดู และบอกว่าเป็นภารกิจของเขาที่จะต้องตามล่ามันให้เจอ เขาพยายามล่อให้มันออกจากเขาวงกตแต่ไม่สำเร็จ เมื่อเห็นโครงกระดูกปู่อัพรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่มันซ์กำลังตามล่านั่นคือเควิ่นนั่นเอง แต่ว่ารัสเซลเด็กน้อยเมื่อได้เห็นโครงกระดูกนั่นก็ได้พูดขึ้นมาว่ามันเหมือนเควิ่นนกที่เขาเลี้ยงไว้เลย เขาเล่าให้มันซ์ฟังว่าเขาให้ช็อกโกแลตกับเควิ่นเพื่อให้มันเดินตามมา ปู่อัพพยายามเปลี่ยนประเด็นว่าเควิ่นหนีไปแล้ว แต่มันซ์รู้ว่าคาร์ลโกหกและเริ่มขู่เขา
คาร์ลรู้ตัวว่าท่าไม่ดีแล้วจึงได้ขอตัวกลับก่อนและได้รีบพารัสเซลออกไป ระหว่างที่กำลังหนีออกไป เควิ่นซึ่งซ่อนอยู่บนบ้านก็ได้ร้องขึ้นมา ทำให้มันซ์หามันเจอ คาร์ล รัสเซล และเควิ่นได้หนีออกมาได้โดยได้รับความช่วยเหลือจากดั๊ก ฝูงสุนัขได้ไล่ตามมาอย่างรวดเร็วจนเกือบจะถึงแล้ว พวกเขาไปถึงหน้าผาและได้กระโดดออกจากเกาะบ้านลอยได้และสามรถหนีจากพวกนั้นไปได้ แต่เควิ่นก็ถูกสุนัขกัดที่ขาจนได้รับบาดเจ็บ
ฝูงหมาได้มารายงานมันซ์ว่าคาร์ลหนีไปได้โดยได้รับความช่วยเหลือจากดั๊กซ์ แต่แล้วเขาก็นึกได้ว่าที่ปลอกคอของดั๊กมีจีพีเอสติดตามตำแหน่งอยู่จึงทำให้เขาตามไปได้ ฝั่งของปู่อัพไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกติดตามอยู่ พวกเขาช่วยรักษาเควิ่นและพามันไปพบครอบครัวของมันจนสำเร็จ แต่แล้วมันซ์ก็ได้ตามมาถึงพอดี และได้จับตัวเควิ่นไว้ คาร์ลพยายามจะเข้าไปช่วยเควิ่น แต่มันซ์ได้ลงมือเผาบ้านของเอลลี่ทำให้เขาทำใจไม่ได้ละตัวจากเควิ่นเพื่อไปดับไฟที่บ้าน ทำให้มันซ์สามารถจับตัวเควิ่นขึ้นเรือเหาะหนีไปได้
รัสเซลผิดหวังกับคาร์ลมากที่ปล่อยให้คนไม่ดีจับตัวเควิ่นไป คาร์ลหัวเสียกับเรื่องนี้มาก เขาไม่ได้อยากมาพบเรื่องราวแบบนี้ จุดมุ่งหมายของเขาคือพาบ้านของเขากับเอลลี่ไปที่น้ำตกสรวงสวรรค์เท่านั้น เขาค่อยๆ ลากบ้านของเขามา จนสุดท้ายเขาก็มาถึงน้ำตกสรวงสวรรค์ได้สำเร็จ รัสเซลได้ทิ้งเข็มกลัดไว้ให้คาร์ลและบอกว่าเขาไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว รัสเซลโกรธคาร์ลมากๆ
ปู่อัพเข้าไปเก็บของให้บ้านให้เรียบร้อยและนั่งดูหนังสือการผจญภัยของเอลลี่ เขาได้พบข้อความของเธอที่บอกให้คาร์ลเริ่มต้นการผจญภัยใหม่ของเขาเอง ปู่อัพมีกำลังใจขึ้นมา เขาออกมานอกบ้าน แต่ก็พบว่ารัสเซสออกไปช่วยเควิ่นเพียงลำพังโดยใช้ลูกโป่งมันไว้กับตัวและใช้เครื่องเป่าลมเพื่อควบคุมทิศทาง คาร์ลพยายามห้ามไว้แต่ไม่สำเร็จ รัสเซลได้ลอยหายไปบนท้องฟ้าแล้ว คาร์ลรีบไปขนของทุกอย่างออกจากบ้านเพื่อให้บ้านมีน้ำหนักเบาลงและสามารถลอยขึ้นบนท้องฟ้าได้อีกครั้ง เขารีบตามรัสเซลไปโดยทันที ระหว่างที่กำลังลอยอยู่คาร์ลก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอีกแล้ว แต่คราวนี้เป็นดั๊กซ์ที่มาเคาะประตู ดั๊กบอกว่าเขารักคาร์ลและขอติดตามมาอยู่ด้วย และสุดท้ายคาร์ลก็ได้รับดั๊กซ์ไว้เป็นสุนัขของเขา
รัสเซลสามารถลอยมาจนถึงเรือเหาะได้ทัน และสามารถเข้าไปในเรือเหาะผ่านทางหน้าต่างได้สำเร็จ แต่เมื่อเข้ามาได้แล้วรัสเซลก็พบว่าได้มีฝูงหมาตามยืนขู่รอเขาอยู่แล้ว พวกสุนัขได้จับรัสเซลมันไว้กับเก้าอี้ไว้และแจ้งกลับมันซ์ว่าเขาแอบตามมา มันซ์รู้ได้ทันทีว่าอีกไม่นานคาร์ลก็คงจะตามเขามาแน่นอน และก็เป็นจริงอย่างนั้น มันซ์มองไปที่กระจกหน้าต่างและมองเห็นบ้านของคาร์ลลอยอยู่ไม่ไกลนัก เขาสั่งให้อัลฟ่าไปเฝ้าเควิ่นไว้ และได้เปิดทางลงท้ายเรือเหาะลงทำให้เควิ่นค่อยๆ ไหลลงไปจากเรือ
คาร์ลตามมาได้ทันและสามารถช่วยรัสเซลไว้ได้ก่อนที่เขาจะตกออกจากเรือเหาะ คาร์ลได้ผูกบ้านไว้กับทางลงท้ายเรือเหาะโดยใช้สายยางมันไว้เอาไว้และเข้าไปช่วยเควิ่น โดยทิ้งรัสเซลไว้ที่บ้านเพื่อให้เขาปลอดภัย ดั๊กช่วยนำทางให้ปู่อัพไปจนพบเควิ่นทีถูกขับอยู่ในกรง แต่ว่าในห้องนั้นมีฝูงหมาล้อมไว้เต็มไปหมด คาร์ลได้ใช้อุบายโยนลูกเบสบอลจากไม้เท้าของเขาให้พวกหมาววิ่งตามไปเก็บ ทำให้ฝูงสุนัขหลงอุบายวิ่งกรูกันออกไปจากห้องจนหมด คาร์ลปิดประตูไม่ให้พวกหมาเข้ามาและได้ช่วยเควิ่นออกมาจากกรงได้สำเร็จ
พวกหมาได้แย่งกันร้องตะโกนบอกมันซ์ว่าคาร์ลได้ช่วยเควิ่นหนีไปแล้ว รัสเซลที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ที่บ้านพยายามจะออกจากเก้าอี้เพื่อตามไปช่วยเควิ่นแต่มันก็ทำให้เขาเกือบจะหลุดออกจากบ้าน โชคดีที่เขาสามารถคว้าสายยางไว้ได้ทัน ทำให้ขณะนี้ตัวบ้านได้หลุดออกจากเรือเหาะเรียบร้อยแล้ว ทางฝ่ายมันซ์ก็ได้พยายามจะสอบถามพวกหมาถึงตำแหน่งของคาร์ลและเควิ่นว่าอยู่ที่ไหน ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เห็นรัสเซลลอยผ่านกระจกหน้าต่างไป มันซ์รีบให้พวกสุนัขขับเครื่องบินไล่ตามรัสเซลไป
ในขณะเดียวกัน คาร์ลและดั๊กได้พยายามพาเควิ่นหนีแต่ก็พบว่ามันซ์ได้ซ่อนตัวอยู่ ดั๊กได้เข้าไปกัดที่ขาของมันซ์ทำให้มันส์เตะดั๊กซ์กระเด็นไปยังอีกห้องและปิดประตูไว้ ซึ่งหลังประตูนั้นก็มีฝูงหมารอต้อนรับดักซ์อยู่แล้ว มันซ์และคาร์ลได้ต่อสู้กันจนคาร์ลได้เสียท่าล้มลงที่พื้น ดั๊กซ์ที่ได้วิ่งหนีฝูงสุนัขไปจนถึงห้องควบคุมเรือเหาะ และได้เผลอไปโดยคันโยกควบคุมเรือทำเรือเอียงตะแคงไปมา
ขณะที่เรือเอียงไปมาอยู่นั้นทำให้คาร์ลและเควิ่นสามารถหาจังหวะหนีออกไปทางหน้าต่างขึ้นไปที่ด้านบนของเรือเหาะได้ แต่มันซ์ก็ได้ตามมาติดๆ ในขณะเดียวกัน ดั๊กได้โดนฝูงหมาล้อมไว้โดยมีอัลฟ่าเป็นผู้นำ ดั๊กไปซ่อนอยู่ที่ใต้แผงควบคุมเรือเหาะและหาจังหวะใส่ปลอกคอหมาจ๋อยให้กับอัลฟ่าได้สำเร็จ ปลอกคอของอัลฟ่าเสียอีกครั้งทำให้เสียงของเขากลายเป็นเสียงเล็กแหลมไม่น่าเกรงขาม พวกสุนัขตัวอื่นๆ ต่างพากันหัวเราะให้กับเหตุการ์ที่เกิดขึ้น ส่วนรัสเซลที่ถูกพวกสุนัขที่ขับเครื่องบินไล่ตามอยู่นั้น ก็ได้เรียกให้พวกหมามองหากระรอก ทำให้พวกมันตื่นเต้นและขับเครื่องบินชนกันเองทั้งหมด รัสเซลจึงรอดพ้นจากการตามล่าในที่สุด
ดั๊กตามมาสมทบกับคาร์ลและเควิ่นที่ด้านบนของเรือเหาะ รัสเซลก็ได้บังคับบ้านมาที่ด้านบนเพื่อที่จะรับพวกเขา แต่แล้วลูกโป่งก็ค่อยๆ แตกไปเนื่องจากถูกมันซ์ใช้ปืนยิง ทำให้บ้านเสียการควบคุมและกำลังจะหลุดออกไปจากเรือเหาะ คาร์ลพยายามดึงตัวบ้านไว้เพื่อให้ทุกคนออกมาจากบ้านแต่ก็ถูกมันซ์ยิงปืนขัดขวาง มันซ์พยายามจะเข้าไปในบ้านเพื่อจับเควิ่น แต่คาร์ลก็ได้ให้ทุกคนจับเควิ่นไว้และล่อเควิ่นด้วยช็อคโกแลตเพื่อให้มันกระโดดหนีออกมาทางหน้าต่าง มันซ์พยายามจะกระโดดตามออกมาแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ตัวบ้านได้หลุดออกจากเรือเหาะเป็นที่เรียบร้อย ทำให้มันซ์ตกลงไปสู่พื้นด้านล่าง
รัสเซล เควิ่น และดั๊กได้ขึ้นมาบนเรือเหาะอย่างปลอดภัย แต่บ้านของคาร์ลกับเอลลี่ได้หลุดลอยออกไปเสียแล้ว คาร์ลมองบ้านด้วยความอาลัย จากนั้นพวกเขาก็ได้ขับเรือเหาะพาเควิ่นกลับไปส่ง ทำให้เควิ่นได้พบกับลูกๆ ของมันอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาได้ขับเรือเหาะกลับบ้านกัน และในที่สุดรัสเซลก็ได้เลื่อนขั้นเป็นลูกเสือนักสำรวจรุ่นใหญ่ได้สำเร็จโดยมีคาร์ลเป็นผู้ที่ติดเข็มกลัดอันสุดท้ายที่ขาดไปให้กับเขา และท้ายที่สุดบ้านของคาร์ลและเอลลี่ที่ได้หลุดลอยไป ก็ได้ไปอยู่ที่น้ำตกสรวงสวรรค์จริงๆ
ตัวละครในเรื่องปู่อัพ Up ปู่ซ่าบ้าพลัง
ปูอัพ คาร์ล เฟรดริกเซน
Fun Fact เกี่ยวกับปู่อัพ
เอลลี่
Fun Fact เกี่ยวกับเอลลี่
รัสเซล
Fun Fact เกี่ยวกับรัสเซล
มันซ์
Fun Fact เกี่ยวกับมันซ์
ดั๊ก
Fun Fact เกี่ยวกับดั๊ก
เควิ่น
Fun Fact เกี่ยวกับเควิ่น
ดูตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องปู่อัพ Up ปู่ซ่าบ้าพลัง
https://www.rinrinworld.com/home/up-ปู่ซ่าบ้าพลัง-ปู่อัพ/
เนื้อหาบางส่วน: Up fandom
🔻🔻ติดตามเรา🔻🔻
– Shopee: https://shopee.co.th/rinrinworld
– Facebook: https://www.facebook.com/rinrinworldshop/
– Website: https://www.rinrinworld.com/