Last Updated on October 25, 2021
ดาบพิฆาตอสูร Kimetsu no Yaiba
ดาบพิฆาตอสูร มีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า คิเมะสึ โนะ ไยบะ (Kimetsu no Yaiba, 鬼滅の刃) และชื่อภาษาอังกฤษว่า Demon Slayer เป็นซีรี่ย์หนังสือการ์ตูนมังงะของประเทศญี่ปุ่น เป็นการ์ตูนแนวผจญภัยแฟนตาซีที่ออกจะดาร์กๆ หน่อย มังงะเรื่องนี้เขียนโดย โคโยฮารุ โกโตะเกะ เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ชื่อคามาโดะ ทันจิโร่ ซึ่งครอบครัวของเขาถูกอสูรสังหารทั้งหมด เหลือเพียงเนซึโกะน้องสาวของเขาที่รอดชีวิตเพียงคนเดียว แต่ทว่าเนซึโกะกลับต้องกลายเป็นอสูร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาต้องกลายมาเป็นนักล่าอสูร และตั้งปณิธานว่าจะล้างแค้นให้กับครอบครัว และทำให้เนซึโกะกลับมาเป็นมนุษย์เช่นเดิมให้ได้
Kimetsu no Yaiba หรือเรื่องดาบพิฆาตอสูรนี้ได้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารโชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ (Weekly Shōnen Jump) ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 จากนั้นสำนักพิมพ์ชูเอฉะได้จัดพิมพ์ดาบพิฆาตอสูรในรูปแบบหนังสือการ์ตูนรวมเล่มจำนวน 23 เล่มจบ ในประเทศไทยการ์ตูนเรื่องนี้ได้ถูกจัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง
เนื้อเรื่องย่อดาบพิฆาตอสูร Kimetsu no Yaiba ตั้งแต่ต้นจนจบ (สปอยยับ)
เนื้อเรื่องของดาบพิฆาตอสูรเริ่มต้นจากครอบครัวของเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่า คามาโดะ ทันจิโร่ ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการดมกลิ่นที่เป็นเลิศ ทันจิโร่เป็นพี่ชายคนโตของบ้านตระกูลคามาโดะ ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่บนภูเขา ในวันหนึ่งทันจิโร่ได้ลงจากภูเขาเข้ามาในเมืองเพื่อมาขายถ่าน แต่กว่าที่เขาจะกลับบ้านก็คือรุ่งเช้าของวันถัดมา เมื่อทันจิโร่กลับมาถึงบ้านเขากลับพบว่าครอบครัวของเขาทั้งหมดถูกฆ่าตายจนหมดแล้ว เหลือเพียงเนซึโกะน้องสาวคนรองของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่บาดเจ็บสาหัสแต่ยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่เข้าไปช่วยเหลือเนซึโกะ ทันจิโร่ก็รู้สึกถึงกลิ่นของคนแปลกหน้าที่เขาไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน มีกลิ่นของคนแปลกหน้าอยู่ที่บ้านของเขา ทันจิโร่จดจำกลิ่นนั้นได้ขึ้นใจ ความคิดและความเคียดแค้นของเขาทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเขานึกถึงคนที่สังหารครอบครัวของเขาโดยไม่ทราบสาเหตุ เขาคิดว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องแก้แค้นให้กับครอบครัวของเขาให้จงได้
ทันจิโร่จึงแบกเนซึโกะลงเขาเพื่อที่จะไปหาหมอทันที แต่ระหว่างทางลงเขาเนซึโกะได้กลายร่างเป็นอสูร ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานที่ถูกกล่าวขานว่ากินมนุษย์เป็นอาหารและจะออกมาได้เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น เนซึโกะในร่างอสูรเข้าขย้ำทันจิโร่ในทันที แต่ด้วยสายสัมพันธ์บางอย่างทำให้เนซึโกะไม่สามารถสังหารทันจิโร่ได้ ในขณะนั้นเองก็ได้มีชายลึกลับพร้อมกับดาบสีฟ้าสดใสราวกับสายน้ำปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน ชายคนนั้นพยายามที่จะสังหารเนซึโกะที่เป็นอสูร ทันจิโร่จึงได้เข้าไปต่อสู้กับเขาเพื่อปกป้องเนซึโกะเอาไว้ แต่ทันจิโร่ก็ไม่สามารถต้านทานฝีมือได้ ทำให้เนซึโกะเข้ามาต่อสู้แทนเพื่อปกป้องพี่ชายของเธอ
เมื่อชายคนนั้นเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวนี้จึงเกิดความสับสนเป็นอย่างมากที่มีอสูรมาต่อสู้เพื่อปกป้องมนุษย์ และเขาได้ไว้ชีวิตและให้โอกาสพี่น้องคู่นี้อีกครั้ง โดยได้ชี้แนะให้พวกเขาไปหาชายแก่คนหนึ่งที่มีนามว่า อุโรโกะดากิ ซาคอนจิ ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขา และได้บอกกับทั้งคู่ว่าเขาชื่อ โทมิโอกะ กิยู เป็นนักล่าอสูร และยังบอกอีกว่า ทางรอดเดียวของเนซึโกะนั่นก็คือทันจิโร่จะต้องมาเป็นนักล่าอสูรที่แข็งแกร่ง และจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเนซึโกะไม่ทำร้ายมนุษย์จริงๆ
ทันจิโร่และเนซึโกะได้ทำตามคำแนะนำของกิยูและมาพบกับซาคอนจิ เขาเป็นอดีตเสาหลักวารีซึ่งเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดในหน่วยพิฆาตอสูตร องกรค์ลับที่ทำหน้าที่ล่าสังหารอสูรและปกป้องมนุษย์มาหลายร้อยปีแล้ว ซาคอนจิได้สั่งสอนและฝึกปรือทันจิโร่ให้เรียนรู้การเพ่งสมาธิขั้นพื้นฐานตลอดจนการใช้เพลงดาบและลมปราณ อีกทั้งเขายังสะกดจิตเนซึโกะให้อยู่ในระหว่างจำศีล เนื่องจากต้องอดกลั้นความหิวกระหายเพื่อไม่ให้ทำร้ายมนุษย์ ทันจิโร่ร่ำเรียนวิชากับซาคอนจิเป็นเวลาหนึ่งปีเขาก็หมดคำสั่งสอน และได้ให้ทันจิโร่ฝึกฝนด้วยตนเองจนกว่าจะสามารถผ่าหินก้อนยักษ์บนเขาได้ ซาคอนจิถึงจะยอมรับและปล่อยให้ทันจิโร่ได้ไปสอบคัดเลือกเข้าหน่วยพิฆาตอสูร
ในระหว่างที่พยายามจะผ่าก้อนหินยักษ์นี้เอง ทันจิโร่ได้รับความช่วยเหลือจากดวงวิญญาณอดีตลูกศิษย์ของซาคอนจิสองคนนามว่า ซาบิโตะและมาโคโมะ เขาทั้งสองวนเวียนไม่ได้ไปเกิดเนื่องจากความห่วงหาอาทรต่อซาคอนจิอาจารย์ของเขา อีกทั้งยังรู้สึกผิดที่โดนอสูรสังหารในการสอบคัดเลือกจนเสียชีวิตอีกด้วย เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งปี ในที่สุดทันจิโร่ก็สามารถใช้กระบวนท่าปราณวารีผ่าหินได้สำเร็จ และยังสำเร็จเพลงดาบกระบวนท่าปราณวารี 10 รูปแบบอีกด้วย
เมื่อซาคอนจิเห็นว่าทันจิโร่สามารถผ่าก้อนหินยักษ์ได้สำเร็จ จึงได้ตัดสินใจส่งทันจิโร่เข้าสอบคัดเลือกเข้าหน่วยพิฆาตอสูรรอบสุดท้าย และทันจิโร่ก็สามารถรอดชีวิตมาได้และผ่านการคัดเลือกได้สำเร็จ เขาสามารถช่วยปลดเปลื้องพันธนาการดวงวิญญาณของลูกศิษย์ของซาคอนจิหลายๆ คนที่เคยพ่ายแพ้ต่ออสูรทั้งหมดให้ไปสู่สุขคติได้ เมื่อสอบผ่านการคัดเลือกแล้ว ทันจิโร่ได้รับอีกาส่งสาร ชุดยูนิฟอร์มประจำหน่วยพิฆาตอสูร พร้อมกับดาบนิจิรินหรือที่ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งคือดาบเพลิงสุริยัน มันเป็นดาบที่ถูกตีมาจากแร่พิเศษ มีคุณสมบัติของแสงตะวัน ซึ่งสามารถใช้สังหารอสูรในเวลากลางคืนได้ ก่อนที่ทันจิโร่จะออกเดินทางไปทำภารกิจ ซาคอนจิได้บอกความลับว่า การที่มนุษย์จะสามารถถูกเปลี่ยนเป็นอสูรนั้น ต้องได้รับเลือดจากราชาอสูรที่ชื่อว่า คิบุทสึจิ มุซัน เท่านั้น
หลังจากนั้นทันจิโร่และเนซึโกะจึงออกเดินทางสังหารอสูรตามภารกิจที่ได้รับ และอยู่มาวันหนึ่งทันจิโร่และเนซึโกะได้รับภารกิจให้ไปปราบอสูรแถบอาซากุสะ แต่ทันจิโร่กลับรู้สึกถึงกลิ่นบางอย่าง กลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นที่เขาจำฝังใจ มันคือกลิ่นของคนแปลกหน้าเพียงหนึ่งเดียวในบ้านของเขาในคืนวันที่ครอบครัวของเขาถูกฆาตกรรม ทันจิโร่รีบตามไปอย่างรวดเร็ว และได้พบกับ คิบุทสึจิ มุซัน ตัวจริง ซึ่งเขาเป็นราชาของเหล่าอสูรทั้งมวล ในระหว่างนั้นมุซันก็ได้เปลี่ยนคนโชคร้ายที่อยู่ระแวกนั้นให้กลายเป็นอสูร เพื่อสร้างสถานการณ์และหลบนี้ไปได้
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ทันจิโร่ได้พบกับทามาโยะและยูชิโร่ ซึ่งเป็นหมออสูรที่กลับใจมาช่วยเหลือมนุษย์ เพราะเขาทั้งสองก็มีความแค้นฝังลึกกับมุซันไม่ต่างจากทันจิโร่เลย พวกเขาเลยร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายก็คือกำจัดมุซัน และช่วยเหลือเนซึโกะให้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้งให้ได้ โดยภารกิจที่ทามาโยะได้มอบหมายให้กับทันจิโร่ทำก็คือ เธอจะให้น้องแมวที่ชื่อว่า ชาชามารุ ซึ่งเป็นแมวของทามาโยะ คอยติดตามทันจิโร่ไปอย่างลับๆ โดยที่น้องแมวจะติดมนต์อำพรางตัวของยูชิโร่ไว้ ทำให้ไม่มีเห็นตัวจนกว่าทันจิโร่จะทำการสังหารอสูรได้สำเร็จ จากนั้นน้องแมวถึงจะปรากฏตัวออกมา และรับเลือดของอสูรตนนั้นกลับมาให้ทามาโยะเพื่อทำวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้เลือดของอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง 12 จันทราอสูร ซึ่งเป็นสมุนเอกของมุซันที่ได้ชื่อว่าเป็นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด 12 ตนมาด้วยจะยิ่งดีมาก ทั้งนี้ทามาโยะได้บอกวิธีการสังเกตง่ายๆ ว่าอสูรตนไหนเป็น 1 ใน 12 อสูรจันทราบ้าง โดยให้ดูจากลูกนัยตาของอสูรเหล่านั้น ว่าถ้ามีสลักคำว่า ข้างขึ้น หรือ ข้างแรม พร้อมกับเลขลำดับที่ 1-6 ไว้ อสูรตนนั้นจะต้องเป็น 12 จันทราอสูรตัวจริงอย่างแน่นอน
ทันจิโร่และเนซึโกะได้ออกเดินทางทำภารกิจอีกครั้ง และระหว่างทางพวกเขาได้พบกับเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า อางาซึมะ เซนอิทซึ เขาเป็นคนที่มีความสามารถในการได้ยินเสียงที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปมากๆ และนอกจากนั้นเซนอิทซึยังมีความเป็นเลิศในการต่อสู้ในขณะที่เขาหมดสติหรือในเวลาที่หลับไหลอยู่อีกด้วย แต่หากเวลาที่เขาไม่ได้หลับนั้น เขาจะดูเป็นคนที่อ่อนแอและขี้กลัวมากๆ นอกจากนี้พวกเขายังได้พบกับเด็กหนุ่มอีกหนึ่งคน เขาเป็นคนแปลกประหลาดที่สวมหัวหมูป่าอยู่ตลอดเวลานามว่า ฮาชิบิระ อิโนะสุเกะ โดยที่เด็กหนุ่มทั้งสองคนนี้ เป็นผู้ผ่านการทดสอบเข้าหน่วยพิฆาตอสูรในครั้งเดียวกับทันจิโร่อีกด้วย
ทันจิโร่ได้ร่วมมือกับเซนอิทซึและอิโนะสุเกะ และสามารถสังหารอสูรที่อยู่ในคฤหาสน์ได้ โดยอสูรตนนี้เป็นอสูรที่มีระดับสูงกว่าอสูรตนอื่นๆ ที่เขาเคยสังหารมาทั้งหมด เพราะว่าอสูรตนนี้คือ เคียวไก (Kyogai) และเขายังเคยเป็นอดีตอสูรข้างแรมลำดับที่ 6 ซึ่งเป็นลำดับที่ต่ำที่สุดในบรรดา 12 อสูรจันทราอีกด้วย แต่ทว่าเขาอ่อนแอเกินไปจึงโดนมุซันปลดออกจากอสูรข้างแรม ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่เคียวไกก็มีเลือดของมุซันไหลเวียนอยู่ในร่างกายเช่นเดียวกัน จึงทำให้ครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกแห่งความสำเร็จของทันจิโร่ที่จะช่วยเหลือเนซึโกะน้องสาวได้ และหลังจากที่ทันจิโร่สังหารเคียวไกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว น้องแมวของทามาโยะที่มีนามว่า ชาชามารุ ก็ได้เข้ามาเก็บตัวอย่างเลือดของอสูรตนนั้นจริงๆ และหลังจากนี้อีกต่อๆ ไป ไม่ว่าทันจิโร่จะล้มอสูรตัวไหนได้ ชาชามารุก็จะออกมาเก็บตัวอย่างเลือดของอสูรทุกครั้ง
หลังจากที่สามารถสังหารเคียวไกได้สำเร็จแล้ว เซนอิทซึและอิโนะสุเกะก็ได้เข้าร่วมเดินทางกับทันจิโร่และเนซึโกะ และภารกิจต่อไปของพวกเขาก็คือการปราบอสูรที่อยู่บนภูเขานาตากุโมะ (Mt. Natagumo) หรือที่ได้ถูกเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า ภูเขาแมงมุมนาตากุโมะ ในศึกครั้งนี้ทันจิโร่ต้องรับมือกับครอบครัวอสูรแมงมุม ซึ่งมีหัวหน้าคือ รุย (Rui) ซึ่งเป็น 1 ใน 12 อสูรจันทรา โดยเขาเป็นอสูรข้างแรมลำดับที่ 5 และในการต่อสู้ครั้งนี้ ทันจิโร่สามารถใช้ปราณรูปแบบใหม่ที่เขาดัดแปลงมาจากการระบำถวายเทพแห่งไฟอย่าง ฮิโนะคามิ คางูระ (Hinokami Kagura, Dance of the Fire God, ヒノカミ楽) ที่สืบทอดมาในตระกูลของเขาในต่อสู้กับรุยอีกด้วย
การต่อสู้ที่ภูเขานาตากุโมะในครั้งนี้ มีหน่วยพิฆาตอสูรเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก จนในที่สุด อุบุยาชิกิ คางายะ ซึ่งเป็นผู้นำของหน่วยพิฆาตอสูรทั้งหมด ได้ตัดสินใจส่งเสาหลักไปที่ภูเขานาตากุโมะเพื่อที่จะไปช่วยจัดการภารกิจในครั้งนี้ โดยที่ตำแหน่งเสาหลักนั้นเป็นตำแหน่งที่สูงที่สุดในหน่วยพิฆาตอสูร ซึ่งจะมีเสาหลักเพียงแค่ 9 คนเท่านั้นที่คอยค้ำจุนหน่วยพิฆาตอสูรไว้ ที่ภูเขานาตากุโมะในขณะที่พวกทันจิโร่กำลังแย่ กำลังจะแพ้และเสียชีวิต เสาหลักสองคนซึ่งได้แก่ โทมิโอกะ กิยู เสาหลักวารี และ โคโจ ชิโนบุ เสาหลักแมลง ก็ได้เข้ามาช่วยพวกเขาไว้ได้อย่างทันท่วงที และสามารถสังหารอสูรทั้งหมดในภูเขาลูกนี้รวมถึงสามารถสังหาร รุย อสูรข้างแรมลำดับที่ 5 ได้อย่างง่ายดาย
หลังจากจบภารกิจในครั้งนี้ ทันจิโร่และเนซึโกะถูกเรียกตัวเข้าไปพบกับคางายะในงานประชุมเสาหลัก และได้มีถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องของเนซึโกะ โดยคางายะต้องการจะรับเนซึโกะเข้ามาร่วมกับหน่วยพิฆาตอสูร ทำให้มีประเด็นเกิดขึ้นเนื่องจากเนซึโกะนั้นเป็นอสูร ทำให้เสาหลักทั้ง 9 คนต่างก็มีความเห็นแตกแยกกันออกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายที่รับได้ กับฝ่ายที่รับไม่ได้ แต่ในท้ายที่สุดแล้วเนซึโกะก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอไม่ทำร้ายมนุษย์แม้ว่าตัวของเธอเองจะถูกซาเนมิเสาหลักลมทำร้ายก่อนก็ตาม รวมถึงกิยูและซาคอนจิก็ได้เดิมพันชีวิตเกี่ยวกับเรื่องเนซึโกะอีกด้วย จึงทำให้คางายะออกประกาศว่าเนซึโกะจะเป็นอสูรตนแรกที่ได้เข้ามาอยู่ในหน่วยพิฆาตอสูร
หลังจากจบการประชุมเสาหลัก ทันจิโร่และเพื่อนๆ ได้เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่คฤหาสน์ผีเสื้อของชิโนบุ ซึ่งในคฤหาสน์นี้พวกเขาได้รับการฝึกฝนควบคุมลมปราณให้มากขึ้น โดยได้คำชี้แนะจาก สึยูริ คานาโอะ ซึ่งเธอเป็นผู้สืบทอดของชิโนบุนั่นเอง โดยคานาโอะยังเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบในรุ่นเดียวกันกับพวกทันจิโร่อีกด้วย ในการทดสอบครั้งนั้น คานาโอะสามารถผ่านการทดสอบมาได้โดยไร้รอยขีดข่วนใดๆ เลยทีเดียว การทดสอบสุดโหดที่พวกทันจิโร่จะต้องทำให้สำเร็จนั่นก็คือ การฝึกเป่าน้ำเต้ายักษ์ให้แตก นั่นเอง ในการฝึกฝนในครั้ง นอกจากจะได้รับคำชี้แนะจากคานาโอแล้ว ยังมี คันซากิ อาโออิ และเด็กสาวตัวน้อยอีก 3 คน นาคาฮาระ สุมิ, เทราอุจิ คิโยะ, ทาดาคะ นาโฮะ ที่คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจพวกทันจิโร่ จนในที่สุดพวกเขาก็สามารถฝึกควบคุมลมปราณและเป่าน้ำเต้ายักษ์จนแตกได้สำเร็จกันทุกคน
ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ในคฤหาสน์ผีเสื้อ ทันจิโร่ก็ยังคงสงสัยเรื่องปราณแบบใหม่ที่เขาได้ใช้บนภูเขานาตากุโมะในการรับมือกับรุย เนื่องจากปราณนี้มีลักษณะที่เหมือนกับไฟมากๆ ชิโนบุจึงแนะนำให้เขาไปสอบถามเรื่องนี้กับ เร็นโกคุ เคียวจูโร่ ซึ่งเป็นเสาหลักเพลิง เมื่อรักษาตัวจนหายดีแล้ว ทันจิโร่ เซนอิทซึ อิโนะสุเกะ รวมถึงเนซึโกะจึงได้ออกเดินทางอีกเพื่อที่จะออกไปทำภารกิจและไปพบกับเคียวจูโร่ ในระหว่างนี้ มุซันได้เรียกอสูรข้างแรมทุกตนมาประชุม และได้ทำการสังหารอสูรข้างแรมที่เหลืออยู่ทั้งหมดเนื่องจากโกรธที่รุยซึ่งเป็นอสูงข้างแรมลำดับที่ 5 ได้พ่ายแพ้ต่อหน่วยพิฆาตอสูรอย่างง่ายดาย เหลือไว้แค่เอ็นมุ ที่เป็นอสูรข้างแรมลำดับที่หนึ่ง มุซันถูกใจเขาจึงไว้ชีวิตและเพิ่มพลังให้กับเอ็นมุด้วยเลือดของเขาอีกด้วย มุซันได้ให้โอกาสเอ็นมุแก้ตัว โดยต้องไปสังหารเสาหลักของหน่วยพิฆาตอสูรให้ได้
หลังจากที่ทันจิโร่และเพื่อนๆ ออกเดินทางมาทำภารกิจ พวกเขาได้ขึ้นรถไฟและพบกับ เร็นโกคุ เคียวจูโร่ เสาหลักเพลิง เคียวจูโร่ได้สอนทันจิโร่เกี่ยวกับเรื่องชนิดของปราณต่างๆ รวมถึงสอนการกำหนดลมปราณขั้นสูงอีกด้วย ในขณะที่รถไฟขบวนนี้ออกเดินทาง พวกเขาได้เผชิญหน้ากับเอ็นมุ อสูรข้างแรมอันดับที่หนึ่ง ซึ่งเป็น 1 ใน 12 อสูรจันทรา ทุกคนจึงร่วมมือกันเพื่อปกป้องคนที่อยู่บนขบวนรถไฟ และก็สามารถสังหารเอ็นมุได้สำเร็จ แต่หลังจากที่ได้รับชัยชนะไม่นาน จู่ๆ อาคาสะ 1 ใน 12 จันทราอสูร ซึ่งเป็นอสูรข้างขึ้นลำดับที่ 3 ได้ปรากฎตัวขึ้น และได้เข้าต่อสู้กับเคียวจูโร่ อาคาสะมีฝีมือที่ร้ายกาจมากๆ ผิดกับอสูรข้างแรมที่ผ่านมาลิบลับ
พวกทันจิโร่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือเคียวจูโร่ในการต่อสู้ครั้งนี้ได้เลย ทำได้เพียงแค่มองดูเคียวจูโร่ต่อสู้กับอาคาสะเท่านั้น เนื่องจากฝีมือของพวกเขาในตอนนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอ ขนาดที่ว่าพวกเขาไม่สามารถมองเห็นหรือจับการเคลื่อนไหวในการต่อสู้ของเคียวจูโร่กับอาคาสะได้เลย คงเป็นได้เพียงแค่ตัวถ่วงเท่านั้น พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่คอยช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์รอบๆ ข้างเท่านั้น เคียวจูโร่ค่อยๆ ถูกต้อนให้จนมุม และได้ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง แต่เขาก็พยายามต่อสู้อย่างสุดกำลัง และสามารถถ่วงเวลาอาคาสะจนถึงรุ่งสางได้ เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มคืบคลานเข้ามา อาคาสะจึงต้องถอดใจและหลบหนีไป แต่ตัวเคียวจูโร่นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสมากจากการต่อสู้และไม่อาจจะรอดชีวิตกลับไปได้ เขาได้สั่งเสียกับพวกทันจิโร่เป็นครั้งสุดท้าย และได้บอกถึงบันทึกเกี่ยวกับเสาหลักเพลิงรุ่นก่อนที่ตกทอดมาในตระกูลเร็นโกคุของเขาอีกด้วย
ทันจิโร่และเพื่อนๆ ได้เข้ามาพักรักษาตัวที่คฤหาสน์ผีเสื้ออีกครั้ง เมื่ออาการดีขึ้นทันจิโร่จึงได้ออกไปพบกับ เร็นโกคุ ชินจูโร่ ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลของเร็นโกคุและเป็นพ่อของเคียวจูโร่นั่นเอง นอกจากนี้เขายังได้พบกับ เร็นโกคุ เซ็นจูโร่ น้องชายของเคียวจูโร่อีกด้วย ในการเดินทางไปที่ตระกูลเร็นโกคุในครั้งนี้ ทันจิโร่ได้พบว่าบันทึกเกี่ยวกับเสาหลักเพลิงรุ่นก่อนที่เคียวจูโร่พูดถึงนั้นถูกฉีดจนขาดวิ่นไปแล้ว เนื่องจากตัวของชินจูโร่ที่เป็นอดีตเสาหลักเพลิงรุ่นก่อน ตอนนี้ได้แต่เมาเหล้าไปวันๆ ตั้งแต่ที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตไป และเขาก็ไม่เคยซัพพอร์ตดูแลลูกๆ ของเขาอีกเลย
ในขณะเดียวกันที่คฤหาสน์ผีเสื้อ อุซุย เท็นเก็น เสาหลักเสียง ก็ได้เข้ามาพาตัวเด็กผู้หญิงในคฤหาสน์ผีเสื้อไปเพื่อช่วยในการปฏิบัติภารกิจร่วมกับเขา โดยเด็กสาวที่ถูกอุซุยพาตัวไปคือ อาโออิ และ นาโฮะจัง แต่ก็ถูกเด็กสาวคนอื่นในคฤหาสน์ขัดขวางเอาไว้ ผลสุดท้ายแล้ว ทันจิโร่ เซนอิทซึ และอิโนะสุเกะ จึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือสาวๆ ที่กำลังจะถูกจับไป และกลายเป็นว่าพวกเขาทั้งสามคน ต้องไปร่วมปฏิบัติภารกิจกับอุซุยแทนนั่นเอง
ในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ ทันจิโร่ เซนอิทซึ และอิโนะสุเกะ ต้องปลอมตัวเป็นสาวขายบริการเพื่อเข้าไปสืบหานินจาหญิง 3 คนซึ่งเป็นภรรยาของอุซุย พวกเธอได้แฝงตัวเข้าไปในย่านเริงรมย์เพื่อที่สืบหาอสูรฝีมือร้ายกาจที่แฝงตัวอยู่ในย่านนี้ แต่ทว่าพวกเธอได้ขาดการติดต่อกับอุซุยและได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พวกทันจิโร่จึงถูกจับปลอมตัวเป็นผู้หญิง และถูกขายให้กับร้านโคมแดง ซึ่งเป็นร้านที่ภรรยาทั้งสามของอุซุยเข้าไปสืบหาข้อมูลนั่นเอง และแล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่อุซุยคาดไว้ไม่มีผิด ภรรยาทั้งสามของเขาได้ถูก ดาคิ ซึ่งเป็น 1 ใน 12 อสูรจันทรา อสูรข้างขึ้นลำดับที่ 6 จับตัวไป ดาคิจะสังหารทุกคนที่ล่วงรู้ความลับของเธอว่าเธอเป็นอสูร ยกเว้นเพียงแค่คนที่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับเธอและสามารถเก็บความลับของเธอได้เท่านั้นจึงจะรอดชีวิต
และในคืนหนึ่ง เซนอิทซึก็ได้หายตัวไป อุซุยจึงได้บอกให้ทันจิโร่กลับไปซะ เพราะว่าเขาจะเป็นคนไปช่วยภรรยาทั้งสามคนด้วยตัวของเขาเอง อีกทั้งทันจิโร่ก็ยังมีฝีมือไม่พอที่จะการต่อสู้กับอสูรข้างขึ้นอย่างแน่นอน แต่ทันจิโร่ก็หาได้ทำตามที่อุซุยบอกไม่ ทันจิโร่ได้ไปต่อสู้กับดาคิและรับรู้ได้ว่าปราณวารีที่เขาใช้อยู่นั้นไม่เหมาะกับรูปแบบการต่อสู้ของเขา โดยตัวของเขามีสรีระร่างกายและรูปแบบที่เหมาะกับการใช้ปราณฮิโนะคามิคางูระในการต่อสู้มากกว่า ทำให้ทันจิโร่พยายามที่จะใช้ฮิโนะคามิคางูระเข้าต่อสู้กับดาคิแทนการใช้ปราณวารี
ทางด้านอิโนะสุเกะก็ได้เข้าไปในรังลับใต้ดินของดาคิด้วยการถอดข้อต่อและไหล่เข้าลงไปในรู และเขาก็ได้พบกับภรรยาทั้งสามของอุซุยที่โดนจับตัวไว้ เซนอิทซึเองก็ถูกดาคิจับมาไว้ที่นี่เช่นเดียวกัน อิโนะสุเกะจึงพยายามที่จะต่อสู้ทำให้ตัวประกันปลอดภัย โดยเขาได้เข้าต่อสู้กับอสูรผ้าโอบิ ซึ่งเป็นสมุนที่เกิดจากการแบ่งร่างของดาคินั่นเอง จนในที่สุดอุซุยก็สามารถจับเสียงของอสูรที่อยู่ใต้ดินและตามมาช่วยอิโนะสุเกะได้ อุซุยได้ช่วยเหลือภรรยาทั้งสามของเขา รวมถึงช่วยปลดปล่อยเซนอิทซึให้เป็นอิสระอีกด้วย
การต่อสู้ของทันจิโร่และดาคิยังดำเนินต่อไปแม้ว่าทันจิโร่จะสู้ได้ดีจนดาคิตกใจ แต่สุดท้ายร่างกายของทันจิโร่ก็ถึงขีดจำกัดทำให้เขาล้มลงและกำลังจะถูกฆ่า แต่เนซึโกะน้องสาวของเขาก็ได้เข้ามาช่วยเหลือได้ทันเวลาและได้เข้ามาสู้แทนที่ทันจิโร่ด้วยความโกรธจัด พลังของเนซึโกะพลุ่งพล่านอย่างมากจนทำให้เธอกลายร่างเป็นอสูรระดับสูง เธอเข้าเล่นงานดาคิจนเกือบจะไปทำร้ายมนุษย์เข้า จนทำให้ทันจิโร่ตามมาเกลี้ยกล่อมเธอให้ออกจากการต่อสู้ อุซุยได้เข้ามาร่วมในการต่อสู้และสามารถตัดคอดาคิไปอย่างง่ายดาย
แต่ทว่าดาคิก็ยังไม่ตาย ทำให้ทุกคนรู้ว่าดาคิยังมีอสูรอีกหนึ่งตนที่อาศัยอยู่ในร่างของเธอ นั่นคือแฝดของเธอที่ชื่อว่า กิวทาโร่ เป็นพี่ชายของเธอ และหากไม่ตัดคอทั้งสองคน ทั้ง ดาคิ และ กิวทาโร่ พร้อมกัน ก็จะไม่สามารถสังหารอสูรตนนี้ได้ โดยที่ทั้งดาคิและกิวทาโร่เป็นอสูรข้างขึ้นลำดับที่หกร่วมกันทั้งสองคน อุซุยจึงเข้าต่อสู้กับกิวทาโร่ที่มีความสามารถในการต่อสู้สูงกว่า และปล่อยให้ทันจิโร่ เซนอิทซึและอิโนะสุเกะเข้าไปต่อสู้กับดาคิ และในที่สุดทั้งสี่คนก็ร่วมมือกันล้มทั้งดาคิและกิวทาโร่ได้สำเร็จ ด้วยการตัดหัวของทั้งสองคนพร้อมกันได้ แต่การต่อสู้ในครั้งนี้ก็ต้องแลกมาด้วยการถอนตัวจากหน่วยพิฆาตอสูรของอุซุย เนื่องจากเขาได้ต่อสู้อย่างหนักจนพิการ
ข่าวการตายของดาคิและกิวทาโร่ซึ่งเป็นอสูรข้างขึ้นแพร่สะพัดไปจนถึงหูของมุซัน และแน่นอนข่าวนี้ก็ได้ไปถึงหูของคางายะที่เป็นผู้นำหน่วยพิฆาตอสูรด้วยเช่นกัน โดยปกติแล้วอสูรข้างขึ้นไม่ได้มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งมานาน ในบรรดาหลายร้อยปีนี้ไม่มีเคยเปลี่ยนตำแหน่งเลย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มุซันโกรธมากๆ แต่เขาก็พยายามเก็บอาการสุดๆ มุซันได้เรียกประชุมอสูรข้างขึ้นที่เหลือทั้งหมดในทันที และได้สั่งให้ฮังเท็นงูและเกียกโกะไปตามสืบหาและบุกโจมตีหมู่บ้านช่างตีดาบ เนื่องจากหมู่บ้านช่างตีดาบนี้สามารถตีดาบดาบนิจิริน หรือที่เรียกว่าดาบเพลิงสุริยัน ที่มีความสามารถในการสังหารอสูรให้กับสมาคมนักล่าอสูร ซึ่งถ้าหากสามารถทำลายหมู่บ้านนี้ได้ก็น่าจะลดความสามารถของสมาคมนักล่าอสูรได้เยอะ
ณ คฤหาสน์ผีเสื้อ ทันจิโร่กำลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่และได้ฝันเห็นบรรพบุรุษของเขา รวมถึงได้เห็นถึงเจ้าของต่างหูรูปไพ่ฮานะฟูดะที่แท้จริงที่ได้สืบทอดมาในตระกูลของคามาโดะของเขา เมื่อทันจิโร่หายดีแล้ว เขาและเนซึโกะก็ถูกคาคุชิซึ่งเป็นหน่วยสนับสนุนพาตัวไปที่หมู่บ้านช่างตีดาบ เพราะในต่อสู้กับดาคิทำให้ดาบของเขาบิ่น จึงต้องหาช่างตีดาบมาช่วยซ่อมดาบให้กับเขา ทันจิโร่ได้พบกับ ชินาซึงาวะ เก็นยะ ซึ่งเป็นน้องชายของซาเนมิ เสาหลักวายุ และเก็นยะยังเป็นคนที่ผ่านการสอบคัดเลือกนักล่าอสูรในรอบเดียวกันกับทันจิโร่อีกด้วย
นอกจากนี้ในหมู่บ้านช่างตีดาบยังมีเสาหลักแห่งความรัก คันโรจิ มิตสึริ ที่เธอเองก็ได้มารักษาตัวในออนเซ็นของหมู่บ้านแห่งนี้ และยังมีเสาหลักหมอก โทคิโตะ มุอิจิโร่ ซึ่งมุอิจิโร่มาที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อมารอรับดาบเล่มใหม่ เนื่องจากดาบเล่มเก่าของเขามันผุพังและก็บิ่นมากๆ แล้ว ในคืนนั้นเองฮังเท็นงู อสูรข้างขึ้นลำดับที่ 4 ได้เข้าโจมตีทันจิโร่ เนซึโกะ และก็มุอิจิโร่ มุอิจิโร่ได้เข้าตัดคอฮังเท็นงูได้อย่างง่ายดาย แต่กลายเป็นว่าส่วนหัวและส่วนตัวที่ตัดออกจากกัน กลับสามารถแยกร่างออกมาเป็นสองร่างและกลายเป็นอสูรที่เก่งกาจกว่าเดิม และหนึ่งในอสูรสองตนนั้นได้ซัดไปที่มุอิจิโร่ทำให้เขาปลิวกระเด็นไปไกล
เก็นยะได้โผล่เข้ามาช่วยทันจิโร่ต่อสู้กับฮังเท็นงู แต่สถานการณ์กลับยิ่งเลวร้ายขึ้น เพราะว่ายิ่งตัดคอฮังเท็นงูเท่าไหร่ ตัวของมันก็ยิ่งแยกร่างออกมาเป็นตัวที่เก่งขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดกลายเป็นอสูรถึง 4 ตัว ทันจิโร่สามารถจับสังเกตได้ว่ามีอสูรตัวเล็กตนหนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนกับฮังเท็นงูร่างแรกที่ถูกมุอิจิโร่ตัดคอไป มันเป็นอสูรตัวจิ๋วที่ซ่อนอยู่ในโพรงไม้และเงามืด ทำให้พวกเขาคิดว่าอสูรตนนี้น่าจะเป็นร่างจริงของฮังเท็นงู เพราะว่าเมื่อไหร่ที่เขาเข้าโจมตีร่างเล็กนี้ อสูรร่างแยกทั้งสี่ร่างจะพยายามเข้าโจมตีเค้าและปกป้องอสูรร่างเล็กตนนั้น จนในที่สุดอสูรทั้งสี่ก็ได้รวมร่างกันเป็นหนึ่งเดียวและกลายเป็นอสูรที่มีความสามารถสูงมากๆ และร้ายกาจเกินกว่าที่พวกทันจิโร่จะสู้ไหว แต่แล้วมิตสึริเสาหลักแห่งความรักที่ได้ไล่สังหารลิ่วล้ออสูรในหมู่บ้านช่างตีดาบ และพยายามรักษาชีวิตของช่างตีดาบทุกคนไว้ ตามมาสมทบกับพวกทันจิโร่ได้ทัน และช่วยต่อกรกับอสูรที่เก่งกาจตนนี้
ทางด้านมุอิจิโร่ที่ถูกฮังเท็นงูซัดจนปลิวมาตกกลางป่าก็ได้พบกับเกียกโกะซึ่งเป็นอสูรข้างขึ้นลำดับที่ 5 ที่กำลังไล่ล่าช่างตีดาบอยู่ มุอิจิโร่ต้องเข้าต่อสู้กับเกียกโกะและปกป้องคนอื่นๆ ไปด้วยจึงทำให้เสียท่า แต่แล้วความทรงจำในอดีตของมุอิจิโร่ที่เคยลืมเลือนไปแล้วกลับสามารถกลายมาเป็นพลังใหม่ให้กับเขา มุอิจิโร่มีรอยปานรูปเมฆปรากฎขึ้นตามตัวของเขา และมันทำให้เขามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นสูงมากๆ พร้อมกันกับที่ได้รับดาบเล่มใหม่จากช่างตีดาบอีกด้วย ทำให้เขาสามารถสังหารเกียกโกะ อสูรข้างขึ้นลำดับที่ 5 ด้วยการโซโล่คนเดียวได้สำเร็จในที่สุด
อีกด้านหนึ่งมิตสึริที่กำลังต่อสู้อยู่กับอสูรร่างแยกของฮังเท็นงูที่เก่งกาจ เธอก็ได้มีปานรูปเมฆปรากฎขึ้นเช่นกัน และมิตสึริก็ต่ออสู้เพื่อถ่วงเวลาอสูรร่างแยกตนนั้น และให้พวกทันจิโร่ทั้งหมดตามไปสังหารฮังเท็นงูร่างเล็กตัวจริง การต่อสู้นั้นได้ยืดเยื้อไปจนถึงรุ่งสาง และในที่สุดก็สามารถสังหารฮังเท็นงู อสูรข้างขึ้นลำดับที่ 4 ได้สำเร็จ และเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ทุกคนได้รู้ว่าเนซึโกะสามารถอยู่ท่ามกลางแสงแดดได้โดยไม่เสียชีวิต เธอเป็นอสูรตนแรกที่มีภูมิต้านทานต่อแสงอาทิตย์ได้นั่นเอง
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ณ หมู่บ้านช่างตีดาบได้ล่วงรู้ไปถึงหูมุซัน จึงทำให้เขาคิดจะตามล่าตัวของเนซึโกะ และชิงเอาพลังในการต้านแสงอาทิตย์ของเนซึโกะมาเป็นของตัวเขาเองให้ได้ เขาสั่งให้ นาคิเมะ อสูรบิวะที่ปกป้องดูแลปราสาทไร้ขอบเขตซึ่งเป็นฐานทัพของมุซัน ให้ออกตามหาคฤหาสน์ลับของคางายะที่เป็นหัวหน้าหน่วยพิฆาตอสูรในทันที เช่นเดียวกับฝั่งของคางายะที่เขานั้นรู้ทันเกมของมุซันและได้ส่งอีกาส่งสารไปหาทามาโยะและยูชิโร่เพื่อไปขอความช่วยเหลือจากทามาโยะอีกแรงหนึ่ง
เหตุการณ์นี้ทำให้ทามาโยะและยูชิโร่ได้เข้ามาร่วมกับฝั่งของหน่วยพิฆาตอสูรเหมือนกับเนซึโกะ โดยทั้งคู่ได้ไปอาศัยอยู่ที่แลปทำวิจัยยาในคฤหาสน์ผีเสื้อของชิโนบุ เพื่อทำวิจัยเกี่ยวกับยาถอนคำสาปให้กับอสูร งานประชุมเสาหลักครั้งต่อมาได้ถูกจัดขึ้นมาอย่างเร่งด่วน เสาหลักทุกคนยกเว้นชิโนบุถูกสั่งให้ไปฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น รวมไปถึงทุกคนที่ทำหน้าที่เป็นนักล่าอสูร ตัวของชิโนบุเองต้องไปทำวิจัยและทำยาร่วมกับทามาโยะเพื่อใช้เป็นยาแก้คำสาป จึงทำให้เธอไม่ได้เข้าร่วมในการเข้าฝึกฝนของหน่วยพิฆาตอสูรให้แข็งแกร่งขึ้นนั่นเอง
คางายะคาดการณ์ไว้ว่ามุซันจะต้องทุ่มสุดตัวเพื่อแย่งชิงตัวเนซึโกะไปให้ได้อย่างแน่นอน จึงได้สั่งให้ทุกๆ คนที่เป็นหน่วยนักล่าอสูรต้องเข้าร่วมการฝึกฝนที่โหดราวกับนรก และจำเป็นต้องพัฒนาให้เก่งขึ้นกว่าเดิม ทางด้านนาคิเมะก็ทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อค้นหาคฤหาสน์ลับของคางายะจนเจอในที่สุด ทำให้มุซันถูกใจเธอมากๆ และได้ให้เลือดกับเธอเพิ่มขึ้น และนาคิเมะก็ได้กลายเป็นอสูรข้างขึ้นลำดับที่ 4 คนใหม่แทนที่ฮังเท็นงูที่ตายไปแล้ว มุซันได้บุกเข้ามาหาคางายะถึงคฤหาสน์ลับ ทั้งคู่ได้ปะทะฝีปากกันก่อนที่มุซันจะลงมือสังหารคางายะ แต่คางายะก็ได้ชิงลงมือก่อนตามแผนที่วางไว้ นั่นคือเขาได้พลีชีพระเบิดตัวเองไปพร้อมกับคฤหาสน์ของเขา และแน่นอนภรรยาและลูกอีกสองคนของคางายะที่อยู่ในคฤหาสน์ก็พร้อมใจที่จะพลีชีพตายไปพร้อมกับเขาด้วย
ในจังหวะนั้นเองทามาโยะก็ได้เข้าโจมตีมุซันและได้ฉีดยาถอนคำสาปอสูรที่ได้ทำการวิจัยมาพร้อมกับชิโนบุใส่ตัวมุซันในทันที เหล่านักล่าอสูรและเสาหลักทุกคนก็ถูกรวบรวมมาสมทบกันอย่างเร่งด่วน ณ ตอนนี้ มุซันตกอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างคับขัน เพราะว่าเขาถูกล่วงรู้ความลับที่ว่า ถึงแม้ว่าเขาจะถูกตัดคอหรือถูกสับเป็นชิ้นๆ ก็ตาม แต่เขาก็จะไม่ตาย มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถฆ่าเขาให้ตายได้ นั่นก็คือต้องยื้อเวลาจนถึงรุ่งสางเท่านั้น เพื่อให้แสงอาทิตย์สาดส่องมาที่ร่างของมุซันถึงจะทำให้เขาตายได้
มุซันส่งสัญญาณให้นาคิเมะเปิดประตูปราสาทไร้ขอบเขตและดึงเหล่านักล่าอสูรที่อยู่บริเวณนั้นเข้าไป นาคิเมะได้จัดการแยกนักล่าอสูรทุกคนที่มีฝีมือร้ายกาจให้ออกจากกันโดยสิ้นเชิง และก็จับคู่เสาหลักและนักล่าอสูรที่มีฝีมือแต่ละคนให้ไปอยู่กับอสูรข้างขึ้นที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด เมื่อคางายะตายไปหน่วยพิฆาตอสูงจึงแต่งตั้งคิริยะซึ่งเป็นลูกชายของคางายะขึ้นมาเป็นผู้นำแทน คิริยะนั้นขึ้นเป็นผู้นำด้วยวัยเพียงแค่ 8 ขวบเท่านั้น แต่เขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องของเขาอีกสองคนที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่นั่นก็คือ คุอินะ และ คานาตะ โดยที่ตัวของคิริยะได้รับความคุ้มครองจากอดีตเสาหลักที่เกษียรและยังรอดชีวิตอยู่ทั้งหมด โดยในสถานที่นี้ก็ยังมีเนซึโกะที่กำลังหลับไหลอยู่ เนซึโกะได้รับยารักษาคำสาปอสูรที่ทามาโยะและชิโนบุร่วมกันคิดค้นขึ้นมาและกำลังพักฟื้นอยู่ที่นี่นั่นเอง
บรรดาเสาหลักและนักล่าอสูรทั้งหลายที่ถูกนาคิเมะจับถูกแยกกันไปให้อยู่คนละทิศคนละทางในปราสาทไร้ขอบเขตแห่งนี้ ทุกคนได้เข้าต่อสู้กับอสูรข้างขึ้นที่เหลืออยู่ เริ่มจากคู่แรกนั่นคือชิโนบุ ถูกแยกเดี่ยวไปให้พบกับ โดมะ อสูรข้างขึ้นลำดับที่ 2 ผู้ที่ครั้งหนึ่งในอดีตเคยสังหาร คานาเอะ เสาหลักบุปผา ซึ่งเป็นพี่สาวของเธอเอง ชิโนบุเข้าต่อสู้กับโดมะจนตัวตายและได้ถูกโดมะดูดกลืนร่างกายเข้าไป คานาโอะนั้น เมื่อได้ตกลงมาในปราสาทก็พยายามที่จะตามหาตัวชิโนบุซึ่งเป็นพี่สาวบุญธรรมและอาจารย์ของเธอ แต่เมื่อเธอมาถึงก็พบว่ามันสายเกินไปเสียแล้ว โดมะได้ดูดกลืนร่างกายของชิโนบุไปจนหมดเรียบร้อยแล้ว ทางด้านทันจิโร่ก็เข้าไปต่อสู้กับ อาคาสะ อสูรข้างขึ้นลำดับที่ 3 พร้อมกับกิยู โดยที่ทั้งคู่ได้มีปานรูปเมฆปรากฎขึ้นมา และได้ร่วมมือกันกำจัดอาคาสะล้างแค้นให้กับเคียวจูโร่เสาหลักเพลิงได้สำเร็จ
ทางด้านเซนอิทซึเขาถูกส่งตัวไปพบกับ ไคกาคุ อดีตศิษย์พี่ของเขาซึ่งเป็นศิษย์พี่ร่วมสำนักเดียวกัน แต่ตอนนี้ไคกาคุได้กลายไปเป็นอสูรข้างขึ้นลำดับที่ 6 คนใหม่เรียบร้อยแล้ว และเป็นเหตุทำให้อาจารย์ของเขาต้องตายเพราะว่ามีลูกศิษย์ที่ทรยศไปอยู่ฝั่งอสูรนั่นเอง ด้วยความโกรธแค้นของเซนอิทซึจึงสามารถทำให้เขาเอาชนะไคกาคุได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าสู่สภาพหลับไหลเลยทีเดียว เซนอิทซึได้ใช้ปราณอัศนีรูปแบบใหม่ที่เขาคิดค้นขึ้นมาและสามารถสังหารศิษย์พี่ของเขาได้สำเร็จ และหลังจากจบการต่อสู้แล้ว เซนอิทซึก็ได้รับความช่วยเหลือจากยูชิโร่ที่ได้เข้ามาในปราสาทนี้ในฐานะหน่วยแพทย์ของสมาคมพิฆาตอสูร ยูชิโร่เข้ามาช่วยรักษาเซนอิทซึที่บาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ในครั้งนี้ได้อย่างทันท่วงที
ทางด้านคานาโอะนั้น เมื่อทราบว่าโดมะได้กลืนร่างชิโนบุพี่สาวเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เข้าต่อสู้กับโดมะด้วยความเคียดแค้นที่ฆ่าพี่สาวของเธอทั้งสองคน โดยมีอิโนะสุเกะคอยช่วยต่อสู้อีกแรง แต่ทั้งสองคนก็ไม่สามารถสู้กับโดมะได้เลยไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม จนในที่สุดแผนการที่คานาโอะได้วางไว้กับชิโนบุก็ออกฤทธิ์ โดยชิโนบุนั้นได้เปลี่ยนร่างกายของเธอเองให้เป็นพิษที่รุนแรงต่ออสูร จนในที่สุดร่างกายของโดมะก็ถูกหลอมละลายแม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือ โดมะที่แม้แต่ยืนยังลำบากก็โดนคานาโอะและอิโนะสุเกะบั่นคอสังหารได้สำเร็จในที่สุด ทำให้ตอนนี้ฝั่งอสูรมีเหลืออสูรข้างขึ้นเพียงแค่ 2 ตนนั่นก็คือ นาคิเมะ อสูรข้างขึ้นลำดับที่ 4 คนใหม่ และ โคคุชิโบ ข้างขึ้นลำดับที่ 1 ที่เก่งที่สุดในบรรดาสิบสองอสูรจันทรา
ทางด้านอสูรข้างขึ้นลำดับที่ 1 อย่างโคคุชิโบนั้น ได้เผชิญหน้ากับเสาหลักหมอกอย่างมุอิจิโร่ โคคุชิโบมีฝีมือร้ายกาจเกินกว่าอสูรตนไหนที่มุอิจิโร่เคยพานพบมา ถึงแม้ว่าจะมีเก็นยะและซาเนมิเสาหลักวายุเข้ามาช่วยสมทบกับมุอิจิโร่ แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถสู้กับโคคุชิโบได้เลย จนในที่สุดได้ ฮิเมจิมะ เกียวเม เสาหลักหินผา ผู้เป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้มาช่วยอีกแรงจึงสามารถสู้ได้ เสาหลักทั้งสามคน มุอิจิโร่ ซาเนมิ และเกียวเม สามารถเปิดรอยปานรูปเมฆได้สำเร็จ สามารถเพิ่มพลังให้กับตนเองและเปลี่ยนดาบนิจิรินให้เป็นสีแดงชาดได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความรุนแรงและลดการฟื้นฟูของอสูร และในที่สุดก็สามารถปลิดชีพของโคคุชิโบลงได้สำเร็จ แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้ต้องแลกมาด้วยการเสียมุอิจิโร่เสาหลักหมอกและเก็นยะน้องชายของซาเนมิไป สร้างความเจ็บปวดให้กับซาเนมิเป็นอย่างมาก
ภาพตัดกลับมาที่มุซันและทามาโยะ พวกเขาทั้งสองคนถูกนาคิเมะนำไปไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของปราสาท เพื่อไม่ให้มีนักล่าอสูรคนไหนตามมาเจอและก่อกวนได้ มุซันสามารถดูดกลืนและสังหารทามาโยะได้อย่างง่ายดายจนสามารถกลายร่างเป็นร่างคอมแบทฟอร์มหรือร่างต่อสู้ได้สำเร็จ มุซันได้สังหารนักล่าอสูรทุกคนที่เข้ามาขวางทางจนได้พบกับกิยูและทันจิโร่อีกครั้ง
อีกด้านหนึ่ง มิตสึริ และ อิงุโระ โอบาไน เสาหลักอสรพิษ ก็พยายามหาทางกำจัดนาคิเมะอสูรข้างขึ้นลำดับที่ 4 เพื่อที่จะหยุดการเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนย้ายปราสาทจนได้พบกับยูชิโร่ ยูชิโร่ออกอุบายเพื่อที่จะให้เสาหลักทั้งสองคนเป็นนกต่อเพื่อหลอกล่อนาคิเมะ และทำให้เขาสามารถเข้าไปข้างหลังนาคิเมะได้ ยูชิโร่ได้ใช้มนต์อำพรางตัวและเข้าไปข้างหลังนาคิเมะเพื่อเจาะสมองและควบคุมนาคิเมะได้โดยตรง โดยที่ทำให้นาคิเมะเห็นภาพลวงตาที่ยูชิโร่ต้องการให้เธอเห็น และได้สั่งให้นาคิเมะโยกย้ายโอบาไนและมิตสึริไปช่วยทันจิโร่และกิยูได้สำเร็จ
เมื่อมุซันต้องต่อกรกับเสาหลักถึง 3 คนรวมถึงทันจิโร่อีกคน เขาก็รู้ว่าสู้ไม่ได้แล้ว เขาจึงเข้าควบคุมนาคิเมะอีกครั้งและแทรกแซงการควบคุมของยูชิโร่ เป็นศึกแย่งชิงการควบคุมนาคิเมะของยูชิโร่และมุซันนั่นเอง ยูชิโร่ได้ทุ่มพลังทั้งหมดรวมถึงความแค้นที่มุซันได้ดูดกลืนและสังหารทามาโยะซังผู้เป็นที่รักของเขา เขาจึงดึงพลังทั้งหมดเพื่อที่จะให้นาคิเมะใช้พลังเฮือกสุดท้ายส่งทุกคนทะลุขึ้นไปบนพื้นดินได้สำเร็จ และได้เป็นการปิดฉากฐานทัพของมุซันอย่างปราสาทไร้ขอบเขตลงด้วยความตายของนาคิเมะ ซึ่งมุซันเป็นคนที่สังหารเธอเองเพื่อที่จะไม่ให้มีความเสียหายต่อตัวเขามากไปกว่านี้
การต่อสู้เริ่มต้นอีกครั้งในเมืองใหญ่ ร้อนไปถึงพวกคาคุชิที่ต้องกักกันบริเวณของพวกชาวบ้านที่สอดรู้สอดเห็นอยู่แถวนั้น บรรดาเสาหลักที่เหลือรอดทุกคนได้เข้าต่อสู้กับมุซัน โดยมีนักล่าอสูรระดับล่างคอยเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องเสาหลัก ในขณะเดียวกันทันจิโร่ที่ได้รับบาดเจ็บจากพิษที่ถูกมุซันเล่นงานในระหว่างที่สู้กันในปราสาทไร้ขอบเขตก็มีอาการถึงขั้นโคม่า และกำลังจะตายลง แต่ยูชิโร่ก็ได้เข้ามาช่วยรักษาได้อย่างทันท่วงที เนซึโกะรับรู้ได้ว่าพี่ชายของตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย เธอจึงตื่นขึ้นจากการหลับไหลอีกครั้ง และก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งมาหาพี่ชายของเธอ โดยไม่ว่าพวกซาคอนจิและอดีตเสาหลักที่เกษียรแล้วแต่ละคนจะห้ามยังไงเธอก็ไม่ฟัง และตั้งหน้าตั้งตาวิ่งมาหาพี่ชายของเธออย่างเดียว
ในขณะที่เข้าสู่สภาวะโคม่า ทันจิโร่ได้ฝันถึงบรรพบุรุษของเขาอีกครั้ง และทำให้เขาได้เห็นรูปแบบการร่ายรำของปราณตะวันที่แท้จริงจากสึกิคุนิ โยริอิจิ ชายผู้เดียวที่สามารถเอาชนะมุซันได้ในอดีต และเป็นเจ้าของปราณต้นตำรับอย่างปราณตะวันนั่นเอง การต่อสู้ในเมืองมีความดุเดือดมากขึ้น หน่วยพิฆาตอสูรและมุซันผลัดกันรุกผลัดกันรับตลอดเวลา โดยมีหน่วยนักล่าอสูรค่อยๆ บาดเจ็บเพิ่มขึ้นทีละคนสองคน และได้คอยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปพักเพื่อถ่วงเวลามุซันให้ถึงเช้าให้จงได้ เสาหลักทุกคนยกเว้นเพียงแค่มิตสึริสามารถเปลี่ยนดาบให้เป็นสีแดงชาดได้สำเร็จ
ยูชิโร่และหน่วยคาคุชิได้เข้าไปช่วยปฐมพยาบาลทุกๆ คนเท่าที่จะทำได้ รวมถึงตัว น้องแมวชาชามารุ แมวของทามาโยะและยูชิโร่ ที่บัดนี้น้องได้กลายเป็นอสูรแมวเรียบร้อยแล้ว เพราะว่ายูชิโร่เปลี่ยนชาชามารุให้กลายเป็นอสูรก่อนที่จะเข้าต่อสู้กับศึกของมุซันนั่นเอง น้องแมวชาชามารุเข้าไปกลางสนามรบเพื่อคอยฉีดยาต้านพิษให้กับเหล่าบรรดาเสาหลัก
เมื่อเซนอิทซึ อิโนะสุเกะ และคานาโอะที่พักฟื้นมาจนร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้ว ก็ได้มาเข้าร่วมการต่อสู้กับมุซันอีกแรง เพื่อที่จะต้อนมุซันให้จนมุมให้จนได้ แต่มุซันก็ได้ระเบิดพลังสูงสุดออกมาอัดทุกคนให้หมดสติไป และกำลังจะเข้าสังหารคานาโอะ แต่ทันจิโร่ก็ฟื้นกลับมาจากความตายได้สำเร็จ เขาได้เข้าช่วยเหลือคานาโอะไว้ได้อย่างทันท่วงทีและได้เข้าต่อสู่กับมุซัน โดยที่คราวนี้ทันจิโร่เริ่มใช้ปราณตะวันที่แท้จริงได้สำเร็จ
การที่ทันจิโร่ใช้ปราณตะวันเข้าต่อสู่กับมุซันที่กำลังอ่อนแอลงเพราะว่าผลของยาแก้คำสาปอสูรที่ทามาโยะยัดไว้ให้ สามารถช่วยยื้อเวลาให้เสาหลักคนอื่นๆ ที่ถูกเล่นงานค่อยๆ กลับมามีสติทีละคน เสาหลักค่อยๆ กลับมาช่วยต่อสู้และยื้อเวลาจนถึงรุ่งสางได้สำเร็จ โดยมีอีกหลายคนที่ต้องเจ็บต้องตายและพิการไปตามๆ กัน มุซันได้พยายามยื้อชีวิตช่วยสุดท้ายของตัวเองหลังจากพระอาทิตย์เริ่มสาดแสงใส่เขาด้วยการเปลี่ยนเซลล์ของร่างกายตัวเองให้เป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่มาครอบจนเขาได้กลายเป็นอสูรเด็กทารกขนาดยักษ์ และมุซันยังได้ดูดกลืนร่างของทันจิโร่เข้าไปในร่างกายอีกด้วย มุซันในร่างเด็กทารกพยายามวิ่งหาซอกหลืบตามตึกเพื่อที่จะหามุมหลบแสงแดด แต่ก็ถูกทุกคนและบรรดาเสาหลักที่ยังรอดชีวิตอยู่ รวมถึงพวกนักล่าอสูรและคาคุชิ ฉุดกระชากลากถูออกมา ไม่ยอมให้มุซันเข้าไปหลบ จนในที่สุดเขาก็ถูกแดดเผาตายในที่สุด
ภายในเหตุการณ์นี้ทำให้มิตสึริและโอบาไนได้สารภาพรักกันสำเร็จ และเขาทั้งสองคนก็ได้จากไปพร้อมกันในอ้อมกอดของกันและกัน ในขณะเดียวกัน เกียวเมที่ต่อสู้กับมุซันมาอย่างหนักหน่วงที่สุดก็เสียชีวิตไปอีกหนึ่งคน มุซันได้ใช้เลือดและเซลล์ที่เหลือของตัวเองทั้งหมดยัดใส่เข้าไปในตัวทันจิโร่ที่เขาดูดกลืนเข้ามา และหวังว่าทันจิโร่จะกลายเป็นราชาอสูรคนใหม่แทนที่เขา และก็เป็นไปตามนั้น ทันจิโร่ได้กลายเป็นอสูรไปแล้ว และมีความสามารถในการต้านแสงแดดไม่ต่างจากเนซึโกะเลยด้วย ทันจิโร่ในร่างอสูรได้เข้าต่อสู้ห่ำหั่นกับเพื่อนพี่น้องร่วมอุดมการณ์ จนในที่สุดเนซึโกะก็มาถึงและพยายามที่จะหยุดพี่ชายของเธอ เพื่อนๆ ของทันจิโร่ทุกคนรวมถึงเนซึโกะก็ได้เข้าต่อสู้กับเขาเพื่อช่วยเรียกสติของทันจิโร่กลับมา แต่ก็ไม่ได้ผลเลย
จนในที่สุดคานาโอะก็งัดไพ่ตายสุดท้าย นั่นก็คือยาพิษที่จะรักษาหรือสังหารอสูรได้ เป็นยาพิษที่เป็นยาขั้นทดลองที่ชิโนบุได้ให้ไว้กับเธอ คานาโอะได้พุ่งเข้าไปหาทันจิโร่และฉีดพิษใส่ร่างของทันจิโร่ซึ่งเป็นชายคนที่เธอรักสุดหัวใจ ภายใต้จิตใตของทันจิโร่ที่ถูกเซลล์ของมุซันครอบงำนั้น ก็มีมือของบรรดาผู้ที่ล่วงลับไปแล้วคอยผลักเขาออกจากเซลล์ของมุซันที่พยายามจะควบคุมเข้าควบคุม รวมถึงมือและเสียงเรียกของเพื่อนๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ช่วยกันดึงเขากลับไปให้มีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ทันจิโร่ได้ฟื้นคืนกลับจากความตายและรอดจากการถูกมุซันเข้าครอบงำได้สำเร็จ ยาที่คานาโอะฉีดเข้าไปในร่างกายของทันจิโร่นั้นได้ผลจริงๆ และทำให้ทุกคนได้รับชัยชนะและสามารถสังหารมุซันราชาอสูรได้สำเร็จอย่างแท้จริง
เสาหลักและนักล่าอสูรทั้งหมดที่รอดชีวิตได้ร่วมกันทำหลุมศพเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้ล่วงลับทุกๆ คน คิริยะซึ่งเป็นผู้นำหน่วยพิฆาตอสูรในขณะนี้ได้ประกาศยุบหน่วยพิฆาตอสูงลง เนื่องจากหลังจากที่มุซันได้ตายลง ก็ไม่มีอสูรตนไหนที่คิดจะเข่นฆ่าและทำลายมนุษย์อีกต่อไป และได้ให้ทุกคนในหน่วยกลับไปใช้ชีวิตปกติอย่างมีความสุข
จนเวลาผ่านล่วงเลยไปนานแสนนานจนเข้าสู่ยุคปัจจุบัน ในโลกใบนี้ก็ยังมีอสูรเหลืออยู่อีกสองตน ที่เฝ้ามองดูการเปลี่ยนแปลง การว่ายเวียนแห่งการเวลา เพื่อที่สักวันหนึ่งอาจจะมีปาฏิหาริย์ที่ทำให้คนที่เขารู้จักในอดีตได้กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง รวมถึงคนที่เขารักสุดหัวใจด้วยเช่นเดียวกัน นั่นก็คือยูชิโร่และน้องแมวชาชามารุ เป็นสองอสูรตนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ และมนุษย์ทุกคนที่ได้ตายจากไปในชาติที่แล้ว ก็ได้กลับมาเกิดใหม่พร้อมกันบนโลกอันสงบสุขใบนี้อีกครั้ง
ตัวละครหลักในเรื่องดาบพิฆาตอสูร Demon Slayer
คามาโดะ ทันจิโร่ (Kamado Tanjiro, 竈門 炭治郎)
ทันจิโร่ เด็กหนุ่มอายุ 15 ปี เขาเป็นพระเอกของเรื่องดาบพิฆาตอสูตร ทันจิโร่เป็นลูกชายคนโตของตระกูลคามาโดะ ท้นจิโร่เป็นคนที่มีจิตใจใสบริสุทธิ์มากๆ และคิดบวกเสมอ เป็นคนรักครอบครัว มีนิสัยซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา อีกทั้งเค้ายังมีประสาทสัมผัสในด้านการดมกลิ่นที่ดีมากๆ ถึงขั้นที่ว่าสามารถแยกแยะและรับรู้ความรู้สึกจากกลิ่นของมนุษย์และอสูรได้ นอกจากนี้ทันจิโร่ยังเป็นคนที่มีศีรษะที่แข็งมากๆ ยิ่งกว่าก้อนหินเลยทีเดียว และเค้าก็ใช้ศีรษะในการต่อสู้กับอสูรอยู่บ่อยครั้ง แต่ทว่าครอบครัวของทันจิโร่ถูกมุซันราชาอสูรฆ่าตายในขณะที่เขาออกไปขายถ่านในเมือง เหลือเพียงแค่เนซึโกะน้องสาวของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รอดชีวิต เขาตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มนักล่าอสูรเพื่อชำระแค้นกับมุซัน และหาหนทางที่จะรักษาเนะซึโกะให้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้งให้ได้
คามาโดะ เนซึโกะ (Kamado Nezuko, 竈門 禰豆子)
เนซึโกะ เด็กสาวอายุ 14 ปี เธอเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวคามาโดะ และเป็นน้องสาวของทันจิโร่ เนซึโกะมีนิสัยที่อ่อนโยนมาก ชอบดูแลพี่น้อง เธอเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่จากเหตุการณ์ที่อสูรบุกโจมตีครอบครัวคามาโดะ แต่เธอกลับถูกทำให้กลายไปเป็นอสูร แม้กระนั้นเนซึโกะก็ยังสามารถคงสติสัมปชัญญะบางส่วนเอาไว้ได้พอสมควร และสูญเสียนิสัยบางอย่างในขณะที่ยังเป็นมนุษย์ไปรวมถึงความสามารถในการสื่อสารด้วย แม้จะกลายเป็นอสูรไปแล้ว แต่เนซึโกะก็ยังคงจดจำทันจิโร่พี่ชายของเธอได้ และเธอจะไม่ยอมทำร้ายและดื่มเดือดของมนุษย์เลย ทันจิโร่ได้ให้เนซึโกะคาบกระบอกไม้ไฝ่ไว้ที่ปากเพื่อป้องกันไม่ให้เธอเผลอไปทำร้ายมนุษย์นั่นเอง
อางาซึมะ เซนอิทซึ (Agatsuma Zenitsu, 我妻 善逸)
เซนอิทซึ เด็กหนุ่มอายุ 16 ปี เขาเป็นคนที่มีนิสัยขี้ขลาดมาก มักจะมองโลกในแง่ร้าย ขี้โวยวาย และไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย แต่โดยเนื้อแท้แล้วเซนอิทซึเป็นคนที่มีจิตใตที่อ่อนโยนมาก นอกจากนี้เขายังมีประสาทสัมผัสในการได้ยินที่เป็นเลิศ เซนอิทซึได้ถูกบังคับให้เข้าร่วมกลุ่มนักล่าอสูรในรุ่นเดียวกันกับทันจิโร่เพื่อชดใช้หนี้สิน หลักงจากที่เขาได้ร่วมเดินทางกับทันจิโร่ เขาก็ได้ตกหลุมรักเนซึโกะตั้งแต่แรกเห็น และหลงใหลในความน่ารักของเนซึโกะ ถึงแม้ในยามปกติเซนอิทซึจะดูเป็นคนที่รักตัวกลัวตาย แต่เมื่อเขาหลับหรือหมดสติ ร่ายกายของเขาที่ถูกฝึกฝนมาอย่างหนักจะสามารถเคลื่อนที่ต่อสู้ได้เองเพราะสามารถจดจำวิชาที่ฝึกฝนมาได้ และเขาก็มีความสามารถในการต่อสู้ที่ร้ายกาจมากๆ แม้จะสามารถใช้เพลงดาบได้เพียงแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น
ฮาชิบิระ อิโนะสุเกะ (Hashibira Inosuke, 嘴平 伊之助)
อิโนะสุเกะ เด็กหนุ่มอายุ 16 ปี เขาเป็นเด็กหนุ่มที่สวมหัวหมูป่าไว้ตลอด เนื่องจากเขาได้ถูกหมูป่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเป็นทารกนั่นเอง อิโนะสุเกะเป็นคนที่มีนิสัยหุนหันพลันแล่น เลือดร้อน โผงผาง และชื่นชอบการต่อสู้เป็นชีวิตจิตใจ เขามีประสาทสัมผัสพิเศษในการรับรู้เหมือนสัตว์ป่า อิโนะสุเกะสามารถรับรู้ถึงอันตรายและความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายหนึ่งได้ เนื่องจากเขาไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาในสังคมมนุษย์ จึงทำให้เขามีความคิดและตรรกะที่ค่อนข้างแปลกประหลาด และไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของคนทั่วไปมากนัก แต่หลังจากได้พบกับทันจิโร่ เนซึโกะ และเซนอิทซึแล้ว เขาก็เริ่มเปิดใจให้มนุษย์มากขึ้น อิโนะสุเกะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแข็งแกร่ง เขาเป็นคนที่มีกล้ามเนื้อมากและเนื้อตัวหยาบกร้าน ผิดกับใบหน้าของเขาที่มีความงดงามราวกับผู้หญิงอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งโดยปกติแล้วเขาจะปิดบังใบหน้าของเขาไว้ด้วยหน้ากากหัวหมูป่าอยู่เสมอ
ภาพยนตร์อนิเมชั่น Kimetsu no Yaiba ดาบพิฆาตอสูร
หนังสือการ์ตูนเรื่องดาบพิฆาตอสูรนี้ ได้มีการนำไปสร้างเป็นการ์ตูนอนิเมชั่นทางโทรทัศน์โดยสตูดิโอยูโฟเทเบิ้ล (Ufotable) ซึ่งได้ออกอากาศในระหว่างวันที่ 6 เมษายน ถึง 28 กันยายน พ.ศ. 2562 ซึ่งถือเป็นอนิเมชั่นซีรี่ย์ภาคแรก ดาบพิฆาตอสูร season 1 มีทั้งหมด 26 ตอน (Episode) และในประเทศไทยได้ออกอากาศฉบับตอนซีรีส์ในช่องการ์ตูนคลับในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 และหลังจากการออกอากาศทางโทรทัศน์สิ้นสุด ก็ได้มีการประกาศสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นภาคต่อออกมาในทันที โดยมีกำหนดเริ่มฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2563 และดาบพิฆาตอสูตรได้กลายเป็นภาพยนตร์อนิเมะและและภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล ซึ่งในภาพยนต์ภาคต่อนี้ มีชื่อว่า ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ (Kimetsu no Yaiba: Mugen Train) และในช่วงปลายปี 2021 นี้เองทางยูโฟเทเบิ้ลก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะเริ่มออกอากาศอนิเมชั่นซีรี่ย์ภาคที่สอง ดาบพิฆาตอสูร season 2 ย่านเริงรมย์ (Kimetsu no Yaiba season 2: Entertainment District) อดใจรอชมแทบไม่ไหวเลยทีเดียว
ดูตัวอย่างอนิเมชั่นเรื่องดาบพิฆาตอสูร ซีซั่น 1 (Season 1)
ตัวอย่างดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ ศึกรถไฟสู่นิรันดร์
ดูตัวอย่างอนิเมชั่นเรื่องดาบพิฆาตอสูร ซีซั่น 2 (Season 2)
www.rinrinworld.com/home/ดาบพิฆาตอสูร-kimetsu-no-yaiba-สปอย
เนื้อหาและภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
🔻🔻ติดตามเรา🔻🔻
– Shopee: https://shopee.co.th/rinrinworld
– Facebook: https://www.facebook.com/rinrinworldshop/
– Website: https://www.rinrinworld.com/