นิทานอีสป นกลาร์คกับลูก The Lark and Her Young Ones

Last Updated on September 1, 2022



นิทานอีสป นกลาร์คกับลูก The Lark and Her Young Ones

นิทานอีสป นกลาร์คกับลูก



ณ ท้องทุ่งแห่งหนึ่ง มีแม่นกลาร์คอยู่หนึ่งตัว มันสร้างรังของมันอยู่ในทุ่งข้าวสาลีที่เพิ่งจะแตกเป็นต้นอ่อน เมื่อเวลาผ่านไป ต้นข้าวสาลีก็ค่อยๆ โตขึ้น และสูงขึ้นเรื่อยๆ เฉกเช่นเดียวกับลูกนกลาร์คที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง เมื่อต้นข้าวสาลีเริ่มออกรวงข้าวเป็นสีทอง พัดไหวโอนอ่อนไปตามแรงลม ชาวนาและลูกชายของเขาก็ได้เข้ามาในทุ่งข้าวสาลี

ชาวนากล่าวว่า “ดูสิลูกเอ๋ย ข้าวสาลีพวกนี้พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวแล้วล่ะ เราต้องไปเรียกเหล่าเพื่อนบ้านและพวกพ้องให้มาช่วยเราเก็บเกี่ยวผลผลิตเสียแล้ว”

ลูกนกลาร์คที่อาศัยอยู่ในรังใกล้ๆ เมื่อได้ยินเสียงชาวนาและลูกชายคุยกันก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก มันรู้ดึว่าพวกมันกำลังจะตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงหากพวกมันไม่ผละออกจากรังก่อนที่การเก็บเกี่ยวจะมาถึง เมื่อแม่นกลาร์คบินกลับมาเพื่อให้อาหารลูกๆ พวกมันจึงได้บอกแม่นกถึงสิ่งที่พวกมันได้ยิน

แม่นกกล่าวว่า “ขวัญเอ้ยขวัญมา อย่ากลัวไปเลยลูกเอ๋ย หากชาวนาบอกว่าเขาจะเรียกเพื่อนบ้านมาช่วยทำงานแล้วละก็ ข้าวสาลีพวกนี้ก็ยังคงไม่ถูกเก็บเกี่ยวไปอีกสักพักเลยล่ะ”

ไม่กี่วันต่อมา ข้าวสาลีก็สุกจนส่งเสียงแตกดังกราวๆ เมื่อยามที่มีสายลมพัดมากระทบที่ต้นข้าวสาลีที่อยู่เหนือหัวของเหล่าพวกลูกนกลาร์ค

“แย่แน่ๆ แย่แน่ๆ ถ้าไม่รีบเก็บเกี่ยวข้าวสาลีพวกนี้ละก็ เราจะต้องเสียพืชผลไปถึงครึ่งหนึ่งเลยนะ เราคงจะรอคอยความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านต่อไปไม่ได้เสียแล้ว พรุ่งนี้เราต้องเริ่มเก็บเกี่ยวด้วยตัวของพวกเราเอง” ชาวนากล่าว

อีกเช่นเคย พวกลูกนกลาร์คได้ยินสิ่งที่ชาวนาพูด มันได้บอกสิ่งที่มันได้ยินให้แม่นกลาร์คฟังเหมือนเช่นเคย

แม่นกกล่าวว่า “โอ้ลูกเอ๋ย ถ้าเช่นนั้นเราต้องรีบไปกันเดี๋ยวนี้แล้ว หากพวกมนุษย์ตัดสินใจที่จะทำงานของเขาด้วยตัวเอง โดยที่ไม่พึ่งพาใคร เมื่อนั้นลูกเอ๋ย เจ้าจงมั่นใจได้เลยว่ามันจะไม่ล่าช้าแน่นอน”

และในบ่ายวันนั้นเอง ก็ได้มีเสียงปีกหลายคู่ของเหล่าลูกนกลาร์ค ที่กระพือปีกพร้อมกันดังพึ่บพั่บเพื่อฝึกบิน เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในวันถัดมา ในขณะที่ชาวนาและลูกชายของเขากำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวสาลี พวกเขาก็พบเพียงรังนกที่ว่างเปล่าเท่านั้น

Line



The Lark and Her Young Ones

A Lark made her nest in a field of young wheat. As the days passed, the wheat stalks grew tall and the young birds, too, grew in strength. Then one day, when the ripe golden grain waved in the breeze, the Farmer and his son came into the field.

“This wheat is now ready for reaping,” said the Farmer. “We must call in our neighbors and friends to help us harvest it.”

The young Larks in their nest close by were much frightened, for they knew they would be in great danger if they did not leave the nest before the reapers came. When Mother Lark returned with food for them, they told her what they had heard.

“Do not be frightened, children,” said Mother Lark. “If the Farmer said he would call in his neighbors and friends to help him do his work, this -wheat will not be reaped for a while yet.”

A few days later, the wheat was so ripe, that when the wind shook the stalks, a hail of wheat grains came rustling down on the young Larks’ heads.

“If this wheat is not harvested at once,” said the Farmer, “we shall lose half the crop. We cannot wait any longer for help from our friends. Tomorrow we must set to work, ourselves.”

When the young Larks told their mother what they had heard that day, she said:

“Then we must be off at once. When a man decides to do his own work and not depend on anyone else, then you may be sure there will be no more delay.”

There was much fluttering and trying out of wings that afternoon, and at sunrise the next day, when the Farmer and his son cut down the grain, they found an empty nest.



คติสอนใจ นิทานอีสป นกลาร์คกับลูก

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

Self-help is the best help.

“การช่วยเหลือตัวเอง คือการช่วยเหลือที่ดีที่สุด”




กลับหน้ารวมนิทานอีสป

🔻🔻ติดตามเรา🔻🔻
– Shopee: https://shopee.co.th/rinrinworld
– Facebook: https://www.facebook.com/rinrinworldshop/
– Website: https://www.rinrinworld.com/



image_pdfดาวน์โหลดไฟล์ PDF