Last Updated on October 25, 2021
สโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด Snow White and the Seven Dwarfs
สโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด Snow White and the Seven Dwarfs เป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องแรกของวอลท์ดิสนีย์ที่ได้ผลิตและออกฉายในปี 1937 ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกดัดแปลงมาจากเทพนิยายกริมม์ (Brothers Grimm) โดยเนื้อเรื่องจะกล่าวถึงราชินีที่ชั่วร้ายที่ต้องการพยายามที่จะสังหารลูกเลี้ยงของเธอที่ชื่อสโนวไวท์ Snow White เนื่องจากอิจฉาในความงามและผิวที่ขาวเนียนดุจหิมะ แต่สโนว์ไวท์ก็สามารถหนีออกมาได้และได้รับที่พักพิงจากคนแคระทั้งเจ็ดในกระท่อมในป่า แต่อย่างไรก็ตาม ราชินีที่โหดร้ายก็ได้ตามหาตัวเธอเจอโดยใช้กระจกวิเศษ ราชินีได้แปลงกายเป็นหญิงแก่และหลอกล่อสโนไวท์ให้กินแอปเปิ้ลอาบยาพิษ ซึ่งทำให้สโนวไวท์เข้าสู่ห้วงนิทราตลอดการ มีเพียงจุมพิตแห่งรักแท้เท่านั้นที่จะสามารถช่วยให้เธอฟืนขึ้นมาได้
เรื่องราวของสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด (สปอยยับ)
กาลครั้งหนึ่งมีเจ้าหญิงน้อยผู้งดงามนามว่า “สโนว์ไวท์” Snow White ซึ่งวันข้างหน้าจะเติบโตงดงามยิ่งกว่าใคร ราชินีใจร้ายจึงได้ให้เธอสวมเสื้อผ้าเก่าๆ แล้วทำงานเยี่ยงคนใช้ และเฝ้าถามกระจกวิเศษว่า “กระจกวิเศษ บอกข้าเถิด ผู้ใดงามเลิศในปฐพี” ตราบใดที่กระจกวิเศษตอบว่าราชินีคือผู้งามเลิศในแหล่งหล้าไม่มีใครเทียบเทียม เช่นนั้นสโนไวท์ก็จะรอดพ้นจากภัยริษยาจากราชนีผู้เป็นแม่เลี้ยงของเธอ
อยู่มาวันหนึ่ง ราชินีก็เฝ้าถามกระจกเช่นเดิม แต่กระจกวิเศษกลับตอบว่า ได้ค้นพบสาวงามนางหนึ่งที่มีความงามมากกว่าราชินี ราชินีรู้สึกโมโหแล้วบังคับให้กระจกวิเศษบอกมาว่านางผู้นั้นเป็นใคร กระจกวิเศษตอบว่า “ขอบปากแดงดั่งกุหลาบ ผมดำดั่งมะเกลือ ผิวงามดุจหิมะขาว” ราชินีรู้ได้ทันทีว่ากระจกวิเศษหมายถึงสโนว์ไวท์นั่นเอง
สโนวไวท์ได้ทำความสะอาดปราสาทอยู่และร้องเพลงรื่นเริงอยู่กับพวกนก เจ้าชายได้ขี่ม้าผ่านมาพบ ก็ได้เข้ามาหาสโนไวท์ที่บ่อน้ำ เธอตกใจเลยวิ่งไปหลบในปราสาทด้วยความเขินอาย ราชินีเห็นเหตุการณ์และไม่พอใจ เรียกพรานป่าเข้าพบ และให้นำสโนไวท์เข้าไปในป่า ให้เธอเพลิดเพลินกับพรรณไม้ และได้สั่งให้ฆ่าเธอซะ พรานป่าตกใจ แต่ก็ต้องน้อมรับคำสั่งแต่โดยดี และเพื่อไม่ให้พลาดราชินีได้กำชับให้พรานป่านำหัวใจของสโนว์ไวท์ใส่กล่องกลับมาให้เธอด้วย
เจ้าหญิงสโนไวท์ผู้ไร้เดียงดา เดินเล่นเพลิดเพลิน พูดคุยกับต้นไม้และสัตว์ต่างๆ อยู่ในป่า พอได้จังหวะพรานป่าได้เข้ามาหมายจะฆ่าเธอ แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่ได้ และได้ขออภัยจากสโนว์ไวท์และบอกเธอว่าราชินีเป็นคนสั่งให้ทำ และได้บอกให้เธอวิงหนีเข้าไปในป่า หนีไปให้ไกล สโนไวท์วิ่งหนีด้วยความตกใจเข้าไปในป่าลึก และได้นอนร้องไห้อยู่กลางป่า เหล่าสัตว์ต่างๆ ในป่าเห็นดังนั้นก็เข้ามาปลอบเธอ
พวกสัตว์นำพาเธอไปที่บ้านหลังน้อยหลังหนึ่งกลางป่า เธอลองเคาะประตูดูและพบว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านจึงได้เข้าไป ภายในบ้านเธอได้พบเก้าอี้ตัวเล็กๆ เหมือนเก้าอี้เด็ก ซึ่งมีถึง 7 ตัว และของอื่นๆ ก็มี 7 ชุดเช่นกัน เธอคิดว่าต้องมีเด็ก 7 คนในบ้านหลังนี้แน่นอน ในบ้านค่อนข้างรกและเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่เต็มไปหมด เธอจึงตัดสินใจช่วยทำความสะอาดบ้านให้เผื่อว่าพวกเขาจะยอมให้เธออยู่ด้วย สโนวไวท์และพวกสัตว์ได้ช่วยกันทำงานบ้าน ด้วยความอ่อนล้าเธอได้นอนหลับไปที่เตียงของพวกคนแคระ
เหล่าคนแคระทั้งเจ็ดทำงานอยู่ในเหมือง เมื่อถึงเวลาเลิกงานพวกเขาก็พากันกลับบ้าน และพบสิ่งผิดปกติว่าภายในบ้านมีไฟติดอยู่และประตูก็เปิดไว้ พวกเขาค่อยๆ ย่องเข้าไปสำรวจในบ้านของตัวเอง และได้พบว่าบ้านของพวกเขาถูกทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย เมื่อขึ้นไปที่ชั้นบน พวกเขาได้พบสโนไวท์นอนหลับอยู่บนเตียง เธอสวยอย่างกับนางฟ้า เมื่อสโนว์ไวท์ตื่นขึ้นมา พวกเขาจึงได้พูดคุยกัน เธอได้บอกกับพวกเขาว่าราชินีได้ตามทำร้ายเธอและขอร้องให้เธออาศัยอยู่ที่นี่ด้วย จากนั้นสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดก็อยู่ด้วยกัน เธอคอยช่วยพวกเขาทำความสะอาดบ้านและทำอาหาร
พรานป่าได้กลับไปที่ปราสาทและได้มอบกล่องที่ใส่หัวใจให้กับราชินี ราชินีได้เข้าไปถามกระจกวิเศษอีกครั้งว่าใครงามเลิศในปฏพี กระจกวิเศษยังคงตอบว่าเป็นสโนว์ไวท์ แต่ราชินีก็ได้บอกว่าพรานป่าได้ฆ่าเธอไปแล้ว กระจกวิเศษจึงได้เผยความจริงว่า สโนไวท์ยังไม่ตายซึ่งเธอได้อาศัยอยู่กับคนแคระทั้งเจ็ดในป่า และหัวใจในกล่องคือหัวใจของหมู ไม่ใช่หัวใจของสโนไวท์ ราชินีถูกหลอกเสียแล้ว นางโกรธมาก เธอใช้เวทมนต์แปลงกายเป็นหญิงแก่แม่ค้าเร่ และได้สร้างแอปเปิ้ลอาบยาพิษขึ้นมา ซึ่งเพียงได้กินแค่เพียงเล็กน้อยก็จะทำให้หลับไหลไม่มีวันตื่น มีเพียงจุมพิษแรกจากชายที่รักเท่านั้นที่จะแก้คำสาปนี้ได้
วันรุ่งขึ้น คนแคระทั้งเจ็ดออกไปทำงานที่เหมืองและได้เตือนสโนไวท์ให้ระวังคนแปลกหน้าเพราะราชินีนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง ให้ระวังตัวไว้ไม่ให้ใครเข้าบ้าน ซึ่งระหว่างที่สโนว์ไวท์อยู่บ้านคนเดียว ราชินีชั่วร้ายที่ได้แปลงกายเป็นหญิงแก่เร่ร่อนก็ได้มาที่บ้านและได้ชวนสโนไวท์ชวนคุยจากทางหน้าต่าง เธอแนะนำให้สโนวไวท์ทำแอปเปิ้ลพายให้พวกคนแคระกิน และได้เสนอแอปเปิ้ลอาบยาพิษของเธอให้สโนไวท์กิน แต่ก็ถูกเหล่าสัตว์ต่างๆ เข้าขัดขวาง หญิงแก่ทำทีเป็นสำออยอ่อนแรงและได้ขอเข้าไปข้างในบ้าน
พวกสัตวต่างๆ เห็นท่าไม่ดีขึ้นได้พากันวิ่งไปหาพวกคนแคระทั้งเจ็ดเพื่อแจ้งข่าว ราชินีหว่านล้อมสโนไวท์ให้กินแอปเปิ้ลโดยบอกว่าเป็นแอปเปิ้ลสารพัดนึก เพียงแค่กินคำเดียวก็จะได้อย่างที่ฝัน สโนไวท์อธิษฐานขอให้เจ้าชายพาเธอไปที่ปราสาทของเขาและอยู่กันอย่างมความสุขชั่วนิรันตร์ เธอกินแอปเปิ้ลเข้าไปแล้วก็เข้าสู่ห้วงนิทราตลอดกาล ราชินีชั่วร้ายทำสำเร็จ เธอออกมาจากบ้านและพบว่าพวกคนแคระกลับมาที่บ้านพอดี คนแคระทั้งเจ็ดตามไล่ล่าหญิงแก่ไปบนเขาจนสุดทางที่หน้าผา และทันใดนั้นก็ได้มีฟ้าผ่าลงมาทำให้ราชินีตกหน้าผาลงไป
คนแคระทั้งเจ็ดกลับมาที่บ้านก็พบว่าสโนไวท์ได้หลับไหลไปแล้วอย่างไม่มีวันตื่น ด้วยความงดงามของสโนวไวท์ทำให้พวกคนแคระไม่อาจตัดใขฝังเธอได้ พวกเขาจึงได้ทำโรงแก้วประดับด้วยทองให้สโนวไวท์และคอยเฝ้าอย่างใกล้ชิดไม่เคยห่าง เจ้าชายได้ตามหาและได้ยินข่าวว่ามีหญิงสาวหลับไหลอยู่ในโรงแก้ว เขามาพบเธอ แม้ยามหลับไหลสโนไวท์ยังงามยิ่งนัก เขาเข้าไปจุมพิตเธอ เพียงไม่นานสโนไวท์ก็ได้ตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา คำสาปได้หลุดพ้นแล้ว ทุกคนดีใจกันมาก และเจ้าชายก็ได้พาสโนไวท์กลับไปที่ปราสาทของเขา และทั้งสองก็ได้อยู่กันอย่างมีความสุข
Fun Fact เกี่ยวกับเรื่องสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด
- สโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด Snow White and the Seven Dwarfs เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องยาวเรื่องแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา
- ในกระท่อมของคนแคระทั้งเจ็ด พื้นผิวไม้เกือบทุกแผ่นจะมีรูปสัตว์แกะสลักอยู่
- เด็กในอังกฤษถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้น่ากลัวเกินไปสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี และควรจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง
- ในปีพ. ศ. 2482 ดิสนีย์ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์จากเรื่องนี้
ตัวละครในเรื่องสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด
สโนไวท์ Snow White
สโนว์ไวท์เป็นเจ้าหญิงโดยกำเนิด แม่ของเธอเสียชีวิตหลังจากเธอเกิดได้ไม่นาน พระราชาผู้เป็นพ่อของเธอได้แต่งงานใหม่กับราชินีที่เลือดเย็นและชั่วร้าย หลังจากแต่งงานไม่นานบิดาอันเป็นที่รักของเธอก็เสียชีวิตอย่างมีพิรุธทิ้งเจ้าหญิงน้อยให้เป็นเด็กกำพร้า
เมื่อราชินีแม่เลี้ยงใจร้ายกลัวว่าวันหนึ่งความงามของสโนไวท์จะเหนือกว่าเธอ ดังนั้นเธอจึงให้สโนวไวท์สวมชุดที่เหมือนผ้าขี้ริ้วและบังคับให้เธอเป็นสาวใช้ทำงานต่างๆ ในปราสาทเพื่อพยายามที่จะดับความงามที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ วันของเธอ ในแต่ละวัน ราชินีจะต้องปรึกษากับกระจกวิเศษและถามว่าใครคือคนที่งามที่สุด และกระจกวิเศษจะตอบเป็นเธอองค์ราชินี ซึ่งคำตอบนี้จะทำให้สโนว์ไวท์ปลอดภัยจากความริษยาของแม่เลี้ยงของเธอ
แม้สโนว์ไวท์อาจจะต้องกลายเป็นสาวใช้ แต่เธอไม่เคยบ่นเมื่อเธอต้องทำงานหนัก และเมื่อใดก็ตามที่เธอเศร้า เธอมักจะร้องเพลงเพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง และเพื่อนสัตว์ต่างๆ ของเธอก็จะมาเยี่ยมและอยู่ด้วยกันกับเธอ ผู้คนในอาณาจักรรู้สึกเสียใจกับเจ้าหญิงของพวกเขาเมื่อราชินีใจร้ายทำให้เธอกลายเป็นคนรับใช้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เนื่องจากนางเป็นราชินี
สโนวไวท์เป็นเด็กสาววัยรุ่นที่มีความงดงามไร้ที่ติและมีเสน่ห์มาก วลีที่ว่า “ริมฝีปากแดงราวกับดอกกุหลาบ ผมสีดำราวกับไม้มะเกลือ และผิวขาวราวกับหิมะ” สามารถอธิบายได้ถึงลักษณะเด่นของเธอได้ดีที่สุด
สโนไวท์เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความมีน้ำใจและการมองโลกในแง่ดี เธอมเสน่ห์อยากมากและได้รับความไว้วางใจและความชื่นชมอย่างรวดเร็วจากเจ้าชาย สัตว์ป่าต่างๆ และคนแคระทั้งเจ็ด ซึ่งทำให้เธอเป็นที่รักของทุกคน ความงามของสโนว์ไวท์อยู่ทั้งในรูปลักษณ์ภายนอกและภายในจิตใจที่บริสุทธิ์ เธอเป็นศูนย์รวมของพลังบวกและความไร้เดียงสา
Fun Fact เกี่ยวกับสโนไวท์
- เนื่องจากสโนว์ไวท์และคนแคระทั้งเจ็ดเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องแรกที่สร้างโดยดิสนีย์ จึงทำให้สโนวไวท์เป็นเจ้าหญิงดิสนีย์คนแรก Disney Princess และเป็นนางเอกคนแรกของภาพยนตร์อนิเมชั่นของดิสนีย์
- ภาพยนตร์เรื่องสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด Snow White and the Seven Dwarfs เป็นภาพยนตร์ที่มีชื่อเรื่องยาวที่สุดในบรรดาภาพยนตร์ต่างๆ ของเจ้าหญิงดิสนีย์
- สโนไวท์เป็นหนึ่งในห้าเจ้าหญิงที่ไม่มีภาพยนตร์ภาคต่อ คนที่เหลือคือ ออโรร่า เทียน่า เมริด้า และโมอาน่า
- เดิมทีสโนว์ไวท์จะมีผมสีบรอนด์ แต่ผมของเธอถูกเปลี่ยนให้เป็นสีดำเพื่อให้เธอมีความโดดเด่นยิ่งขึ้น
ราชินีชั่วร้าย The Evil Queen
ราชินีชั่วร้าย The Evil Queen เธอมีความอิจฉาสโนว์ไวท์ลูกเลี้ยงของเธออย่างบ้าคลั่งเพียงเพราะสโนไวท์เป็นคนเดียวที่จะมีความงามเหนือกว่าตัวเธอ และในที่สุดเธอก็ได้ใช้เวทมนต์ปลอมตัวเป็นหญิงชราเพื่อล่อลวงให้สโนว์ไวท์กินแอปเปิ้ลอาบยาพิษ
จากภายนอกราชินีดูเหมือนจะสง่างาม เงียบสงบ และมีความซับซ้อน แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอเป็นคนที่ซาดิสต์ เกลียดชัง เย็นชา และน่ากลัวอย่างยิ่ง เธอเป็นคนที่โหดเหี้ยม ขี้อิจฉา และหมกมุ่น เธอไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการที่จะเป็นผู้ที่งามที่สุดในอาณาจักร ซากโครงกระดูกของนักโทษในคุกใต้ดินของเธอชี้ให้เห็นว่าเธอเป็นผู้ปกครองที่โหดร้าย และในท้ายที่สุดความริษยาของเธอที่มีต่อสโนว์ไวท์ทำให้เธอเปลี่ยนตัวเองเป็นคนหน้าเกลียดและเสกยาพิเศษ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นอันชั่วร้ายและความสิ้นหวังของเธอ
เจ้าชาย The Prince
เจ้าชายมีผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม มีขอบตาสีฟ้า เครื่องแต่งกายโดยรวมของเขาคือเสื้อคลุมแขนกุดสีน้ำเงินกรมท่าขลิบทอง และเข็มขัดสีครีมที่เขาเก็บกริชไว้ในฝัก ภายใต้ชุดของเขาคือเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกางเกงสีเทาอมฟ้าและรองเท้าบูทสีครีมพร้อมข้อมือพับสีน้ำตาลอ่อน นอกจากนี้เขายังสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มที่ยาวถึงหัวเข่าโดยมีสายรัดสีดำที่ด้านหน้าซึ่งเชื่อมต่อกับเสื้อคลุมของเขา
ในการปรากฏตัวครั้งแรกและการพบกันครั้งแรกของเขากับสโนว์ไวท์ ซึ่งตอนนั้นเธอทำงานเป็นคนรับใช้ในปราสาท สโนว์ไวท์ได้ร้องเพลงซึ่งมันได้ดึงดูดความสนใจของเจ้าชายที่ขี่ม้าผ่านมา ในขณะที่เธอร้องเพลงลงไปในบ่อน้ำ เขาร่วมร้องเพลงคู่กับเธอและเธอก็ตกใจเมื่อจู่ๆ เจ้าชายก็เข้ามา เธอวิ่งหนีเข้าไปในปราสาทและมองดูขณะที่เขาร้องเพลง ทั้งสองตกหลุมรักกัน
เจ้าชายได้ออกตามหาสโนว์ไวท์หลังจากเธอหายตัวไปอย่างลึกลับจากปราสาท ระหว่างการเดินทางเขาได้ข่าวคราวเกี่ยวกับหญิงสาวที่อยู่ในโลงแก้วที่อยู่ในป่า เขาจำหญิงสาวคนนี้ได้เธอคือสโนไวท์นั่นเอง เขาร้องเพลงด้วยความเศร้าโศกและได้มอบจุมพิตครั้งสุดท้ายให้กับสโนไวท์ที่หลับไหลกับความรักที่ดูเหมือนจะล่วงลับไปแล้ว ด้วยความประหลาดใจของเจ้าชายและคนแคระทั้งเจ็ดโดยรอบ สโนว์ไวท์ตื่นขึ้นจากคำสาปเนื่องจาก “จูบของรักแท้” และเธอได้สวมกอดเจ้าชายของเธออย่างอบอุ่น เจ้าชายและสโนวไวท์นั่งรถไปยังปราสาทเพื่อเริ่มต้นชีวิตด้วยกันในที่สุด
คนแคระทั้งเจ็ด
- กรัมปี้ Grumpy – เขาเป็นคนขี้บ่น เอาแต่ใจ และชอบทำหน้าบึ้งตึงและกอดอก เขามักจะรำคาญคนแคระคนอื่นๆ แต่ลึกๆ แล้วเขาเป็นคนที่มีหัวใจอบอุ่นแต่ไม่ค่อยที่จะแสดงออกมา
- สนีซซี่ Sneezy – เขามักจะมีเกิดอาการจามอย่างรุนแรง ซึ่งไม่สามารถคาดเดาและควบคุมได้ตามชื่อของเขา และเขามักจะมีอาการคันจมูกอยู่ตลอดเวลา
- ดอปปี้ Dopey – เขาเป็นน้องคนสุดท้องของคนแคระทั้งเจ็ด เขาได้รับชื่อนี้มาจากความไร้ความสามารถและชอบแสดงตลกโง่ๆ เขาเป็นคนแคระเพียงคนเดียวที่ไม่พูดแต่จะสื่อสารผ่านการทำท่าทางแทน
- สลีปปี้ Sleepy – เขาได้รับชื่อนี้มาเนื่องจากความง่วงของเขา และเขามักจะหาวนอนตลอดเวลา โดยทั่วไปเขาไม่ค่อยจะกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว นอกเสียจากการงีบหลับ
- ด็อก Doc – เขาเป็นผู้นำของคนแคระทั้งเจ็ด แม้ว่าเขาจะดูงุนงงเนื่องจากการพูดที่ไม่ค่อยถูกต้อง แต่เขาก็เป็นคนที่ชาญฉลาดและเชื่อถือได้ ซึ่งคนแคระคนอื่นๆ มันจะมองหาคำแนะนำจากเขา
- แบชฟูล Bashful – เขาเป็นคนที่มีความโรแมนติก ขี้อาย และมีความประหม่า เขามักจะหน้าแดงเสมอเมื่อรู้สึกเขินอาย
- แฮปปี้ Happy – เขาเป็นคนที่มีท่าทางร่าเริงและมองโลกในแง่ดี มักจะเห็นได้จากรอยยิ้มของเขาในขณะที่มีปาร์ตี้ กินอาหาร และการเต้นรำ ซึ่งเขาจะกระตือรือร้นที่จะแบ่งปันความสุขเหล่านี้ให้กับคนแคระคนอื่นๆ
ดูตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด
www.rinrinworld.com/home/สโนไวท์
ภาพประกอบ: pinterest
เนื้อหาบางส่วน:
🔻🔻ติดตามเรา🔻🔻
– Shopee: https://shopee.co.th/rinrinworld
– Facebook: https://www.facebook.com/rinrinworldshop/
– Website: https://www.rinrinworld.com/