Last Updated on October 25, 2021
Coco โคโค่ วันอลวลวิญญาณอลเวง
Coco โคโค่ วันอลวลวิญญาณอลเวง เป็นภาพยนต์แอนิเมชันสามมิติแนวจินตนาการ ผลิตโดยพิกซาร์อนิเมชันสตูดิโอ เรื่องราวของเด็กชายมิเกล ริเวียร์ร่าผู้รักเสียงดนตรี และได้พลัดหลงเข้าไปสู่โลกแห่งวิญญาณ และต้องได้รับความช่วยเหลือจากบรรรพบุรุษผู้เป็นนักแต่งเพลง และนักดนตรีเพื่อจะได้กลับมาในโลกของคนเป็น
แนวคิดหลักและธีมของเรื่องมีพื้นฐานมาจาก เทศกาลแห่งความตาย dia de la los muertos (Day of the dead) ของชาวเม็กซิกัน แต่งเป็นเรื่องโดย Unkrich, Jason Katz, Matthew Aldrich, และ Molina เขียนบทโดย Molina และ Uldrich พิกซาร์เริ่มงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2016 โดย Unkrich และทีมงานส่วนหนึ่งได้เดินทางไปยังประเทศเม็กซิโกเพื่อรวบรวมข้อมูลและแรงบันดาลใจ นักประพันธ์เพลง Michael Giacchino กลับมาร่วมงานกับพิกซาร์อีกครั้งและเป็นผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ นักพากย์สำคัญๆ ในเรื่องได้แก่ Anthony Gonzalez, Gael García Bernal, Benjamin Bratt, Alanna Ubach, Renée Victor, Ana Ofelia Murguía, และ Edward James Olmos ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่มีนักแสดงนำเป็นเชื้อสายละตินเรื่องแรกที่มีทุนสร้างสูงถึงเก้าหลัก โดยถูกประมาณเอาไว้ที่ 175-200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตัวละครในเรื่อง Coco โคโค่ วันอลวลวิญญาณอลเวง
มิเกล ริเวียร์ร่า Miguel Rivera
มิเกล เด็กชายวัย 12 ขวบผู้ใฝ่ฝันจะเป็นนักดนตรี แต่ก็ต้องถูกขัดขวางจากจำสั่งห้ามคนในตระกูลยุ่งเกี่ยวกับดนตรีเด็ดขาก เนื่องมาจากพ่อของทวดได้เลือกเส้นทางดนตรีและไปกลับมาอีกเลย ปล่อยให้แม่ของทวดสร้างครอบครัวลำพังและเป็นเรื่องฝังใจคนในครอบครัว แต่แล้วเมื่อปาติหาริย์บังเกิดเขาหลุดเข้าไปในดินแดนของคนตาย มิเกลได้ไปหาไอดอลคนโปรดของเขา เด ลา ครูซ ราชานักดนตรี และนักแสดงชาวเม็กซิกัน ให้ช่วยพาเขากลับโลกคนเป็นก่อนที่อะไรมันจะสายไป
ดันเต้ Dante
สุนัขพันธุ์เรียกยาก โซโลอิซควินเต้ (Xoloitzcuintle) คู่หูของมิเกล ดันเต้เป็นสัตว์ตัวเดียวในเรื่องที่มองเห็นมิเกลทั้งยังอยู่โลกคนป็น และสามารถเข้าไปป่วนในโลกแห่งวิญญาณได้ด้วย และท้ายที่สุดตอนท้ายเรื่องเขาก็ได้กลายร่างเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ อาราบริเฮ alebrije
เฮกเตอร์ Héctor
สมัยยังมีชีวิตเขาเป็นนักดนตรี เขาและภรรยาของเขานมักจะร้องเพลงอย่างมีความสุข แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อภรรยาของเขาให้กำเนิดโคโค่ เขายังเดินตามความฝันมี่จะใช้ดนตรีขับกล่อมคนทั้งโลก เขาไปกับกีตาร์ตัวเดียวและไม่เคยกลับมาอีกเลย เขาคือตัวต้นเหตุให้ครอบครัวเกลียดดนตรีตั้งแต่นั้น ในโลกแห่งความตายเขาเฝ้าที่จะผ่านสะพานดอกดาวเรืองกลับไปเยี่ยมครอบครัวแต่แน่หละ เขาไม่มีรูปบนหิ้งบูชาและกำลังจะหายไปเมื่อโคโค่กำลังจะลืมเลือนเขา ต้องพึ่งมิเกลทำให้โคโค่จำได้ผ่านบทเพลงชื่อดังที่เขาแต่ง จำฉันให้ดี Remember me
แฮเนสโต เด ลา ครูซ Ernesto de la Cruz
แฮเนสโต เด ลา ครูซ นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลและไอดอลของมิเกล เขาเริ่มต้นจากนักดนตรีโนเนมจากซิซิลเลีย แต่เมื่อเขาได้เล่นดนตรีเขาก็ทำให้ผู้คนตกหลุมรักเขา เขาเป็นนักแสดงสุดเทห์ มือกีตาร์ที่ทั้งร้อง เล่น และแต่งเพลงที่โด่งดัง จนกระทั่งโศกนาฏกรรมในปี 1942 เมื่อเขาถูกระฆังยักษ์ตกใส่ระหว่างการแสดงของเขาทำให้เขาเสียชีวิตทันที
อิเมด้า Imelda
อิเมลด้า ภรรยาของเฮกเตอร์ผู้ถูกดนตรี พรากครอบครัวของเธอไป แต่เธอก็ได้สร้างธุรกิจทำรองเท้าที่ทำให้ครอบครัวมาเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง อิเมลด้าเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดแกร่งที่ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว เธอเลือกครอบครัวเมื่อเธอให้กำเนิดโคโค่ และเลือกที่จะทิ้งสิ่งอื่นไป “อย่าลืมว่าครอบครัวรักเธอมากแค่ไหน” คือคำอวยพรที่ทำให้มิเกลกลับสู่โลกคนเป็นอีกครั้ง
เปอิตา Pepita
เปอิตา เป็นอาราบริเฮ ผู้นำทางและปกปักษ์รักษาในโลกวิญญาณ เปอิตาพูดไม่ได้แต่ส่งเสียงคำรามร้องแบบสัตว์ได้ ในเรื่องเขามีหน้าที่ช่วยเหลืออิเมด้าสะกดรอยตามมิเกล และช่วยมิเกลในตอนท้ายเรื่อง
มาม่าโคโค่ Coco
มาม่าโคโค่ คูณทวดผู้ใจดีขอมิเกล เธอแก่มากและเหี่ยวย่น แต่มิเกลก็ไม่มีวันหยุดเล่าเรื่องราวการผจญภัยแต่ละวันให้เธอฟัง เธอเป็นคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ยังจำเฮกเตอร์ พ่อของเธอได้ผ่านบทเพลง จำฉันให้ดี เพลงที่เธอเคยได้ฟังตอนเด็ก เธอมีอายุ 99 ปีตอนดำเนินเรื่องและจากไปในวัย 100 ปี ชื่อของเธอในเวอรชันบราซิลคือ อิเนส
คุณย่าอะเบอริต้า Abuelita
คุณย่าจอมเฮี้ยบ ผู้ที่ปกครองบ้านอย่างเข้มงวดและไม่ยอมให้มีเสียงดนตรีในบ้าน (รวมถึงภายนอกบ้านด้วย) เธอจะจัดการทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้มิเกลได้ยุ่งเกี่ยวกับดนตรี ด้วยรองเท้าช้างดางของเธอ
เนื้อเรื่องย่อ (สปอยยับ) Coco โคโค่ วันอลวลวิญญาณอลเวง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อในอดีตมีครอบครัวชาวแม็กซิกัน ที่มีหัวหน้าครอบครัวเป็นนักดนตรีที่มีความฝันอยากขับกล่อมคนทั้งโลก และวันหนึ่งเขาก็จากออกไปจากบ้านพร้อมกีตาร์คู่ใจและไม่กลับมาหาครอบครัวอีกเลย ปล่อยให้หญิงสาวผู้เป็นภรรยาดูแลครอบครัวหาเลี้ยงชีพโดยการทำรองเท้า และไม่ยุ่งเกี่ยวกับดนตรีอีกเลยนับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาได้สอนให้ทุกๆคนในครอบครัวทำรองเท้าและได้สืบต่อธุรกิจการทำรองเท้ารุ่นสู่รุ่น จนถึงปังจุบัน และหญิงสาวที่เป็นจุดกำเนิดของธุรกิจรองเท้าก็คือ มาม่าอิลเมด้า บุคคลที่ทุกคนจะเล่าขานในวันแห่งความตาย (dia de la los muertos)
เธอมีลูกสาวคือ มาม่าโคโค่ หรือทวดของตัวเอก เด็กชายมิเกล ผู้มีความฝันอยากเป็นนักดนตรี แต่ถนนสู่โลกดนตรีก็ไม่ราบเรียบนักเมื่อมี คุณย่าอะเบอริต้า เป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ เธอปกครองบ้านและห้ามทุกคนในบ้านพูดถึงและยุ่งเกี่ยวกับดนตรีเด็ดขาด ทุกคนในบ้านก็ดูเหมือนเชื่อฟังราวกับว่าเป็นธรรมนูญในบ้าน ยกเว้นมิเกล เพราะว่าเขารักดนตรีสุดหัวใจ โดยมีสหายรัก ดันเต้ สุนัขจรจัดลิ้นห้อยเป็นเพื่อนสนิท พูดถึงเรื่องดนตรี มิเกลมี เดอ ลา ครูซ เป็นไอดอลคนเก่ง เขาเป็นดาราค้างฟ้าของเม็กซิกัน เริ่มจากการเข้าวงการโดยไร้ชื่อเสียง แต่ด้วยดนตรีที่เขารักทำให้เขาโ่ด่งดังด้วยบทเพลง “จำฉันให้ดี” (remember me) และบทเพลงอื่นๆ ที่เขาแต่ง แต่ทว่าในวันหนึ่งเมื่อปี 1942 ก็เกิดอุบัติเหตุกับเขาในขณะทำการแสดง ระฆังใบใหญ่ได้ตกใส่เขาในขณะทำการแสดงทำให้เขาเสียชีวิตทันที มิเกลอยากเดินในถนนสายดนตรีอย่าง เดอลา ครูซ มากถึงขนาดมาเยี่ยมเยียนหอเก็บกีตาร์ของเขาบ่อยๆ
เรื่องราวก็ดำเนินไปอย่างทุกวันจนกระทั่ง เขาได้มาทำงานขัดรองเท้าที่จัตุรัส แต่วันคืนนั้นจะมีงานแข่งดนตรีในเทศกาลวันแห่งความตาย มิเกลปรารภกับนักดนตรีแถวนั้นว่าอยากเล่นดนตรีมาก แต่ก็ต้องถูกขัดขวางด้วยคุณย่าของเขาอมาริต้า และถูกพาตัวกลับบ้าน พร้อมทั้งครอบครัวของเขาได้เข้ามาบ่นด่าเรื่องนี้ และโดนกำชับไว้ว่าคืนนั้นให้อยู่กับบ้าน ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด แกไม่อยากให้ครอบครัวต้องแตกแยกจากดนตรีอีกครั้ง
แต่มิเกลก็ไม่ได้เชื่อฟังเขาขึ้นไห้องใต้หลังคาหยิบกีตาร์สีขาวคู่ใจมาเล่น และพอเวลาเขาเล่นดนตรีเขาจะมีความสุขมาก เขาได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเข้าร่วมประกวดในเทศกาลวันแห่งความตาย พอถึงเวลาเย็นเขาก็จะหนีออกไปพร้อมกีตาร์ แต่ทว่าเจอครอบครัวพอดีเขาจึงนำกีตาร์ไปแอบไว้ใต้แท่นบูชา แท่ทว่าเรื่องก็เกิดขึ้นเพราะดันเต้ ดันไปกินเครื่องเซ่นทำให้รูปมาม่าอิเมด้าตกลงจากแท่นแตก มิเกลสังเกตว่ารูปใบนั้น พ่อของทวดได้ถึงกีตาร์ของเดลาครูซอยู่ จึงทำให้เข้าใจได้ว่าพ่อของทวดเขาคือ เดลา ครูซ นั่นเอง ไม่รอช้ามิเกลรีบไปบอกทุกๆคนในครอบครัวว่า เดลาครูซ คือพ่อของคุณทวดโคโค่ งานงอกสิครับย่าอะgริต้า นำของทั้งหมดที่อยู่ในห้องใต้หลังคาไปทิ้ง รวมถึงพังกีตาร์สีขาวตัวโปรดมิเกล มิเกลตกใจและเสียใจมาก ได้วิ่งหนีครอบครัวออกไปงานแข่งขันดนตรี โดยมีรูปคุณย่าทวดมาม่าอิลเมด้า ติดมือไปด้วย
พอถึงงานดนตรีมิเกลได้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันแต่ทว่าไม่มีเครื่องดนตรีแล้ว เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าหอเก็บกีตาร์ มีกีตาร์คู่ใจของเดลา ครูซอยู่ ไม่รอช้าเขารีบวิ่งไปที่นั่นและลักลอบเข้าไปในหอทันที มิเกลดีดกีตาร์ของเดลา ครูซ พลังเรื่องราวอัศจรรย์ได้บังเกิดขึ้น ดอกกาวเรืองได้เปล่งแสงล้อมรอบตัวเขา และตอนนี้เขาได้เข้าไปสู่โลกแห่งความตายแล้ว มิเกลเห็นแต่คนตายไปแล้วที่เป็นโครงกระดูกไปหมด ซึ่งเป็นวิญญาณที่กลับมาเยี่ยมญาติพี่น้องในวันแห่งความตาย คนเป็นทุกคนเหมือนจะมองไม่เห็นมิเกลยกเว้นหมาคู่ใจดัลเต้ และมิเกลก็ได้พบกับครอบครัวตัวเองที่ได้ตายไปแล้วทุกคน แต่ทุกคนก็งงว่าทำไมมาม่าอิเมด้า ยังไม่ข้ามสะพานกลีบดอกดาวเรืองแห่งความตายมา สะพานแห่งนี้ทางเดินประดับด้วยดอกดาวเรืองเชื่อมโลกคนเป็นและโลกคนตาย
ทุกคนในครอบครัวได้พามิเกลเดินย้อนสะพานกลีบดอกดาวเรืองไปสู่โลกแห่งความตาย และที่มีด่านตรวจคนตายเข้าโลกคนเป็นได้ จะมีกฏอยู่ว่าพวกเขาต้องมีรูปอยู่บนหิ้งบูชาและต้องกลับมาสู่โลกหลังความตายก่อนพระอาทิตย์ขึ้น แต่มีวิญญาณอยู่คนหนึ่งซึ่งไม่เคยผ่านไปได้เพราะไม่มีรูปบนหิ้งเลยเขาคือ เฮกเตอร์ และที่นี่เขาได้เจอกับมามาอิลเมด้าที่ติดด่านอยู่ เพราะรูปที่มิเกลติดมือมาจากแท่นบูชา หลังพบว่ามิเกลมาโลกแห่งคนตายและมีรูปเขามาด้วย มาม่าอิลเมด้าเลยจะส่งมิเกลกลับโลกคนเป็นด้วยคำอวยพรคนในครอบครัวก่อนพระอาทิตย์ขึ้น “ให้มิเกลกลับบ้านและเอารูปเธอไปวางบนแท่นบูชาที่เดิม และห้ามยุ่งเกี่ยวกับดนตรีอีกเลย” บึ้มมิเกลกลับสู่โลกคนเป็นทันที แต่มิเกลก็คงคิดว่าไม่เป็นไรเลยเอากีตาร์ที่หอ เดลาครูซ มาหมายจะไปเล่นที่งานดนตรี บึ้ม!!! มิเกลวาร์ปกลับไปโลกคนตายทันที ถ้าใครผิดสัญญาที่ให้ไว้เข้าจะกลับมาที่โลกคนตายอีกครั้ง เมื่่อเห็นว่า มาม่าอิลเมด้าไม่ให้เขาเล่นดนตรีแน่นอนเขาจึงได้วิงหนีออกมา หมายจะให้เดลา ครูซโตอวยพรให้
มิเกลหนีออกมาเจอเฮกเตอร์ จะให้พาไปหาเดลา ครูซและจะเอารูปของเฮกเตอร์ไปไว้บนหิ้งเป็นการแลกเปลี่ยน เฮกเตอร์ไปปลอมตัวมิเกลเป็นกระดูกให้เหมือนกับคนตายอื่นๆ และจะพาคอนเสิร์ตของเดลา ครูซคืนนี้ เขาพาไปหาคนซ้อมการแสดงให้เดลาครูซ แต่เขาไม่มีตั๋วให้ต้องได้รับบัตรเชิญเท่านั้น แต่ผู้ชนะการประกวดที่จัตุรัส เดลาครูซ จะได้รับเชิญเข้าชมคอนเสิร์ต ทั้งคู่ได้มาที่จัตุรัสเดลาครูซ และขึ้นไปเล่นบนเวที พร้อมเฮกเตอ์ที่เต้นประกอบด้านหลัง ทุกคนก็เต้นอย่างสนุกสนานทำท่าว่าจะมีลุ้นชนะการประกวด แต่ที่สุดเปอิต้าและครอบครัวมิเกลก็ได้สะกดรอยตามมาจนพบ ทำให้มิเกลรีบพาเฮกเตอร์หนี และเฮกเตอร์ก็พบว่ามิเกลโกหก เดลา ครูซไม่ใช่ญาติคนเดียวของเขา ทันใดนั้นมาม่าอิลเมดาก็มาหาและเล่าว่า “เมื่อก่อนนั้นเธอนั้นชอบดนตรีมาก เธอมักจะร้องเพลงเวลาสามีเล่นดนตรี แต่เรื่องใดก็ไม่สำคัญอีกแล้ว เมื่อทั้งคู่มีโคโค่ เธอก็ให้ความสำคัญกับลูกของเธอเหนือสิ่งอื่นใด อิลเมลด้าต้องการสร้างครอบครัว แต่สามีของเขาต้องการขับกล่อมชาวโลก แต่ละคนต้องเสียสละสิ่งที่เราต้องการ และมิเกลก็เช่นกัน” แต่มิเกลก็วิ่งหนีไป
จากนั้นเขาก็ไปขอร้องทีมที่นะการประกวดขอเนียนเข้าไปพบ เดลา ครูซด้วยที่นั่นคนเยอะมากทำให้หาเดลา ครูซไม่เจอ มิเกลต้องการเป็นจุดเด่นให้เดลา ครูซเห็นจึงเล่นกีตาร์ แต่บังเอิญพลาดตกน้ำ เดลาครูซ ช่วยมิเกลไว้ได้และพบว่ามิเกลยังไม่ตาย มิเกลก็บอกเขาว่าเขาเป็นพ่อของทวด และบอกว่าต้องการพรของเดลาครูซ เพื่อกลับไปเล่นดนตรีเจริญรอยตามให้ได้ เดลา ครูซก็ดีใจพาไป กิน เล่น เต้น ร้อง ต่างๆนาๆ ก่อนส่งกลับเขาชวนมิเกลไปเป็นแขกรับเชิญในงานคอนเสิร์ต แต่มิเกลปฏิเสธเพราะร่างกายกำลังจะเป็นกระดูกหากกลับไม่ทัน เดลาครูซ เข้าใจกำลังจะอวยพรให้ แต่เฮกเตอร์เข้ามาขัดจังหวะ
เดลาครูซ ฉวยรูปในมือจากเฮกเตอร์ จากนั้นเฮกเตอร์ก็แฉว่า เดลา ครูซเอาผลงานเพลงเฮกเตอร์ไป และร้องจนดัง เพราะเขาเป็นคนแต่งเพลงดัง remember me เดลาครูซเลยอธิบายว่าเขาได้เพลงมาเพราะเฮกเตอร์ตายไปก่อน เขาทั้งคู่เคยเล่นดนตรีด้วยกัน จากนั้นเฮกเตอร์เริ่มระลึกชาติได้ว่าที่เขาตายนั้นเป็นเพราะถูก เด ลา ครูซวางยาพิษ เฮกเตอร์โกรธมากเข้าทำร้ายเด ลา ครูซ และการ์ดก็ได้ลากตัวเขาออกไป
ฝ่ายมิเกลก็ยืนอึ้งกับความจริงตรงหน้า เด ลา ครูซไม่รอช้าเพราะเปลี่ยนใจไม่ให้พรแล้ว เพราะมิเกลล่วงรู้ความลับทั้งหมด ได้เรียกการ์ดเข้ามาจับมิเกลอีกคนไปโยนทิ้งบ่อที่เดียวกับเฮกเตอร์ ที่นี่ทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจกัน และพบว่าเฮกเตอร์นั้นเป็นพ่อของทวดของเขาตัวจริงนั่นเอง ทั้งคู่เป็นครอบครัวเดียวกันแต่เขากำลังจะหายไป เพราะมาม่าโคโค่กำลังลืมเขาไป และแล้วครอบครับมิเกลก็ตามหาเขาพบและช่วยเหลือไว้ ทวดอิลเมด้าก็ปรับความเข้าใจสามีของเธอเฮกเตอร์ มิเกลกำลังจะกลับโลกคนเป็นแต่ต้องไปเอารูปของเฮกเตอร์ จากเด ลา ครูซก่อน
จากนั้นการแสดงของเด ลา ครูซก็ได้เริ่มขึ้น ในที่สุดอิเมลด้าก็แย่งรูปมาได้ แต่เธอก็ได้ถูกดันขึ้นไปบนเวที เห็นอย่างนั้นแล้วเธอก็เริ่มร้องเพลง ฝ่ายเดลา ครูซ ที่ตามไปหมายจะไปแย่งก็เลยเข้าเนียนร้องเพลงคู่ด้วย ทั้งคู่ร้องกันไปแย่งรูปกันไป สุดท้ายรูปตกอยู่ในมือ อิลเมด้า และกำลังจะส่งมิเกลกลับโลก ทันใดนั้น เดลา ครูซได้เข้าไปจับตัวมิเกลไว้ วิกตอเรียแอบหันกล้องถ่ายทอดสดบันทึกเหตุการณ์ไว้ จากนั้นเดอลา ครูซก็เผลอพูดเรื่องราวทั้งหมดออกมา โดยที่หารู็ไม่ว่าถูกถ่ายทอดสดออกไปแล้ว และจับมิเกลโยนทิ้งจากที่สูง ดันเต้ และ เปอิต้าซึ่งตอนนี้ได้กลายมาเป็นสัตว์ผู้พิทักษ์แล้วเข้ามาช่วยไว้ทัน แต่รูปเฮกเตอร์โดนทำลายเสียแล้ว จากนั้นเดลา ครูซออกมาหน้าเวที แต่โดนผู้ชมที่รู้ความจริงโห่ไล่ และโดนเปอิต้าจับเหวี่ยงไปชนระฆัง ย้อนภาพเหตุการณ์เค้าตายอีกรอบ
เฮกเตอร์ที่กำลังจะร่างสลายและดวงอาทิคย์กำลังจะขึ้นไม่มีทาเลือกอื่น อิเมลด้าต้องส่งมิเกลกลับไปแต่คราวนี้ พรขออิลเมลด้ากลับไม่มีเงื่อนไขใดๆในการห้ามเล่นดนตรี พอถึงโลกมิเกลก็รีบคว้ากีตาร์ไปหามาม่าโคโค่ ที่กำลังจะลืมเฮกเตอร์พ่อของเธอ จากนั้นเพื่อเตือนความจำมิเกลก็ได้เล่นเพลง จำฉันให้ดี (Remember me) ที่เฮกเตอร์เคยร้องให้มาม่าโคโ๕่ฟังตอนเด็ก มาม่าโคโค่ได้ยินแล้วก็จำได้และร้องตาม จากนั้นคุณทวดก็ยิ้มดีใจพร้อมกับทุกคนในครอบครัว พร้อมทั้งนำรูปเฮกเตอร์ พ่อของเขาที่ถูกฉีกขาดออกจากสมุดโน้ตมาต่อให้ทำให้ตอนนี้เฮกเตอร์ไม่หายไปแล้ว
เรื่องราวเล่าอีก 1 ปีต่อมาในวันแห่งความความตาย ตอนนี้มาม่าโคโค่ได้เสียชีวิตแล้ว และหอเดลา ครูซได้ถูกปิดลงแต่กลับเป็นบ้านของมิเกลที่โด่งดังขึ้นมาแทนในฐานะบ้านของนักแต่งเพลงผู้โด่งดัง ทุกคนในครอบครัวที่โลกวิญญาณก็ได้เดินทางข้ามสะพานดอกดาวเรืองมาพบญาติอีกครั้ง มิเกลก็ได้เล่นกีตาร์อย่างสนุกสนานและเรื่องราวทั้งหมดก็ได้จบลง
ดูตัวอย่างเรื่อง Coco โคโค่ วันอลวลวิญญาณอลเวง
ภาพประกอบ: pinterest
เนื้อหาบางส่วน: Youtube
🔻🔻ติดตามเรา🔻🔻
– Shopee: https://shopee.co.th/rinrinworld
– Facebook: https://www.facebook.com/rinrinworldshop/
– Website: https://www.rinrinworld.com/